วานนี้ (22 พฤษภาคม) ตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูตไทยประจำราชอาณาจักรกัมพูชา ให้สัมภาษณ์คณะสื่อมวลชนไทย ที่เดินทางเยือนกัมพูชา ภายใต้โครงการเสริมสร้างองค์ความรู้สื่อมวลชน ‘ความมั่นคงและผลประโยชน์ร่วมเพื่อประชาชน’ ซึ่งจัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และมูลนิธิไทย โดยกล่าวถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในระดับประชาชน ระหว่างไทยและกัมพูชา ในโอกาสฉลองครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ว่าความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน ถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ประเทศในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า การลงทุน หรือการท่องเที่ยว
ที่ผ่านมาไทยและกัมพูชามีกิจกรรมและโครงการที่เสริมสร้างความร่วมมือระดับประชาชนของทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางมาเยือนกัมพูชา เพื่อเป็นประธานร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาในกิจกรรม ‘ฟุตบอลมิตรภาพ’ ระหว่าง2 ประเทศ และต่อมาในเดือนมีนาคม ยังมีการจัดงานวิ่งมาราธอนข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นสะพานมิตรภาพแห่งเดียวระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมจากทั้งไทยและกัมพูชากว่า 700 คน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับประชาชนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้หน่วยงานระดับจังหวัดจากทั้งสองฝ่าย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ด้วย และที่ผ่านมา ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดงานสัมมนาด้านวิชาการ ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของไทย กับมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรของกัมพูชา โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะในสาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเกษตร และเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร ซึ่งถือเป็นประเด็นที่กัมพูชาให้ความสนใจเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความร่วมมือที่มีคุณค่าระหว่างกัน
โดยความร่วมมือด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กับมหาวิทยาลัยพระตะบอง ยังมีความร่วมมือส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยในกัมพูชา ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในหลักสูตรภาษาไทยโดยตรง หรือการเรียนในคอร์สพิเศษช่วงเย็นหรือวันหยุด
ขณะที่กระแสความสนใจในภาษาไทยนี้ บางส่วนก็มาจากความนิยมในวัฒนธรรมไทย เช่น ภาพยนตร์ ละคร และศิลปินไทย ซึ่งช่วยสร้างความใกล้ชิดและความเข้าใจในศิลปะและวัฒนธรรมของกันและกัน
