×

สื่อนอกตั้งคำถาม ปมการเมืองภายในไทย-กัมพูชา ตัวจุดชนวนขัดแย้ง?

11.12.2025
  • LOADING...
สื่อนอกตั้งคำถาม ปมการเมืองภายใน ไทย-กัมพูชา ตัวจุดชนวนขัดแย้ง?

สถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกจับตามองอีกครั้งจากสื่อต่างชาติทั่วโลก ที่ตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ที่ดูเหมือนจะบรรเทาลงภายหลังการลงนามในปฏิญญาร่วม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน จึงหวนกลับมาปะทุรุนแรงอีกครั้ง

 

แจ็ค บอร์ด (Jack Board) ผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯ ของสำนักข่าว Channel NewsAsia (CNA) ของสิงคโปร์ วิเคราะห์เรื่องนี้ โดยตั้งคำถามถึงสาเหตุของการสู้รบ ว่าอาจไม่ใช่แค่ปัญหาพิพาทเรื่องเขตแดน แต่เป็นผลจาก ‘ปัจจัยภายใน’ เช่น ปัญหาการเมืองที่เปราะบาง หรือภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่อาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมองเห็น หรือได้ประโยชน์ในเชิงอำนาจจากการยืดเยื้อความขัดแย้งครั้งนี้

 

สงคราม-ชาตินิยม กลบความล้มเหลวรัฐบาลไทย?

 

บอร์ด ระบุในบทความเชิงวิเคราะห์ Has domestic politics in Thailand and Cambodia fuelled latest border flare-up? ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคภูมิใจไทย กำลังเผชิญกับภาวะ ‘เปราะบางทางการเมืองอย่างหนัก’ ก่อนที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปี 2026

 

สาเหตุของความเปราะบางของอนุทินและพรรคภูมิใจไทย มาจากคะแนนนิยมที่ถูกบั่นทอนจากหลายผลงานอันย่ำแย่ในระยะหลัง เช่น การรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ถูกวิจารณ์ว่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ ตลอดจนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา SEA Games ที่เพิ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวันอังคาร (9 ธันวาคม) ที่ผ่านมา ซึ่งถูกตั้งคำถามทั้งเรื่องความพร้อมและการใช้จ่ายงบประมาณ

 

นอกจากนี้ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอนุทิน กับเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ผู้ซึ่งมีชื่ออยู่ในร่างกฎหมายคว่ำบาตรสแกมเมอร์ของสหรัฐฯ หลังมีการเผยแพร่ภาพเก่าที่ทั้งสองเคยถ่ายรูปร่วมเฟรมเดียวกัน

 

บทความระบุความเห็นจาก รศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ซึ่งชี้ว่า “ความท้าทายอันน่าประหลาดใจและไม่คาดคิดเหล่านี้” ทำให้ความนิยมของอนุทิน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายน และพรรคภูมิใจไทยของเขา ลดลงอย่างมาก”

 

ขณะที่อ้างอิงผลสำรวจความนิยมล่าสุดจากสวนดุสิตโพล ซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน พบว่าคะแนนนิยมของอนุทินลดลงจาก 48% เหลือเพียง 23%

 

“อนุทินมีแรงจูงใจที่จะ ‘เบี่ยงเบนความสนใจ’ จากประเด็นเหล่านี้ก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง” บทความระบุ

 

นอกจากนี้ CNA รายงานความเห็นจาก ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าอนุทิน “ได้รับประโยชน์จากกระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นในประเทศ” ซึ่งทำให้เขามีข้อได้เปรียบในการเลือกตั้ง

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เชื่อว่าแรงจูงใจเหล่านี้จะเพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการสู้รบ โดยมองว่าความท้าทายภายในต่างๆ อาจทำให้อนุทินรู้สึก ‘ไม่มั่นคงทางการเมือง’ และถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาสถาบันดั้งเดิม เช่น กองทัพ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยอำนาจเหนือสถานการณ์ชายแดนที่อยู่ในมือของกองทัพเป็นส่วนใหญ่ ผลลัพธ์อาจคาดเดาไม่ได้และควบคุมได้ยากขึ้น

 

ด้านวันนาริธ เชียง (Vannarith Chheang) อาจารย์ชาวกัมพูชา ด้านนโยบายสาธารณะและกิจการระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่า การสู้รบที่ปะทุขึ้นนั้นเป็น ‘กลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจ’ อย่างชัดเจน

 

“มันเป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเลือกตั้ง ผมคิดว่ากัมพูชาเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์นี้แล้ว แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการระดมยิงขนาดใหญ่เช่นนี้” เขากล่าว

 

แรงกดดันภายในกัมพูชา

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ปัจจุบัน กัมพูชากำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งอาจส่งผลต่อท่าทีของกัมพูชาตามแนวชายแดน

 

โดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เพิ่งปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของกัมพูชาในปี 2025 จากประมาณ 6.1 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 4.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเสี่ยงจากความตึงเครียดบริเวณชายแดน

 

ขณะที่บทความของ CNA ระบุว่าการหลั่งไหลของแรงงานต่างชาติที่กลับมาพร้อมหนี้สินและต้องการงานทำ รวมถึงการแพร่กระจายของศูนย์สแกมในกัมพูชา กำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง

 

โดยรายงานปี 2025 จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “มีหลายหน่วยงานในประเทศกัมพูชา ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรจากการมีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสแกมเมอร์

 

ด้าน รศ. ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ โดยมองว่า “จากสถานการณ์การเมืองภายในของกัมพูชา ยังคงมีความจำเป็นที่รัฐบาลกัมพูชาจะต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของรัฐ”

 

ขณะที่เชียงระบุว่า “ความขัดแย้งกำลังส่งผลให้เยาวชนกัมพูชามีความภาคภูมิใจในชาติมากขึ้น และปลูกฝังความรู้สึกเข้มแข็งในหมู่ประชาชน

 

“หากเราใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนานเกินไป เราจะลืมความสำคัญของความเป็นเอกภาพของชาติ ความมุ่งมั่น และสิ่งต่างๆ เหล่านั้น” เขากล่าว

 

อ้างอิง :

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising