×

คุมเข้มปิด-เปิดด่านชายแดนกัมพูชา เสียงจากหอการค้าอีสาน กระทบเศรษฐกิจอีสานใต้แค่ไหน

โดย THE STANDARD TEAM
16.06.2025
  • LOADING...
thai-cambodia-border-tension

สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุปะทะระหว่างกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย บริเวณอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นข้อพิพาทชายแดนที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้

 

การปะทะดังกล่าวได้จุดกระแสความวิตกกังวล โดยเฉพาะความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการค้าข้ามแดนในเขตชายแดนที่ต้องหยุดชะงัก การขนส่งสินค้าและแรงงานข้ามพรมแดนถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ส่งผลให้รายได้ของประชาชนในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์

นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม

จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ทางการไทยตอบโต้กัมพูชา ด้วยการออกมาตรการควบคุมเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชาชั่วคราว ซึ่งมีทั้งหมด 18 แห่ง ใน 7 จังหวัด คือ จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี แบ่งเป็น จุดผ่านแดนถาวร 8 แห่ง จุดผ่อนปรนการค้า 9 แห่ง และจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว 1 แห่ง โดยใช้มาตรการดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เวลา 19.00 น. แบ่งดังนี้

 

พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังบูรพา

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก (อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเวลา 08.00-16.00 น. โดยอนุญาตเฉพาะการค้าขาย หรือการเดินทางเพื่อทำงาน ห้ามชาวไทยเดินทางออกนอกประเทศเพื่อเล่นการพนันหรือท่องเที่ยว และเอกสาร Border Pass / Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน-สตึงบท) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเวลา 08.00-16.00 น. โดยกำหนดให้ใช้เป็นจุดผ่านแดนหลักสำหรับรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน (อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเวลา 08.00-16.00 น. โดยอนุญาตเฉพาะการค้าขายหรือการทำงาน ห้ามนักพนันและนักท่องเที่ยวเดินทางผ่าน และเอกสาร Border Pass / Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 

 

  1. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา (อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเวลา  08.00-12.00 น. โดยทหารจะใช้ดุลพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน

 

  1. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ (อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเวลา 08.00-12.00 น. โดยทหารจะใช้ดุลพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน

 

พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังสุรนารี

 

  1. จุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า (ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นเฉพาะวันพฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น. โดยให้บุคคลผ่านเข้า-ออกไม่เกินเขตตลาดของทั้งสองประเทศ ผ่านการแลกบัตร ซึ่งอนุญาตเฉพาะการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และไม่อนุญาตให้ยานพาหนะผ่าน 

 

  1. จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู (ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์)กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น. โดยให้บุคคลผ่านเข้า-ออกไม่เกินเขตตลาดของทั้งสองประเทศ ผ่านการแลกบัตร ซึ่งอนุญาตเฉพาะการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และไม่อนุญาตให้ยานพาหนะผ่าน 

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ (ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. โดยใช้ Passport / Border Pass ซึ่งยานพาหนะสามารถผ่านได้ตามระเบียบ จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย และงดส่งออกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ 

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม (ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่เป็นวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. โดยใช้ Passport / Border Pass ซึ่งยานพาหนะสามารถผ่านได้ตามระเบียบ จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย และงดส่งออกวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ 

 

ส่วนพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ของกองทัพเรือ มีการกำหนดให้จุดผ่านแดนถาวร และ จุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่ง ตามแนวชายแดน จังหวัดจันทบุรี และ จังหวัดตราด เปิด – ปิดเวลา 08.00-16.00 น. โดยยึดหลักพิจารณาจากความจำเป็นในการค้าขาย การดำรงชีวิต และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

 

สำหรับการใช้มาตรการตามแนวชายแดนดังกล่าวนี้ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นที่ 1 และ ขั้น 2 ยังไม่ได้มีการปิดจุดผ่านแดนใดๆ เว้นช่องทางธรรมชาติที่ได้ปิดไปแล้ว เป็นไปตามสภาพแวดล้อม ความรุนแรงและภัยคุกคามในแต่ละพื้นที่ 

 

ขณะที่ท่าทีของกัมพูชานั้น ได้ตอบโต้กลับด้วยการปิดประตูชายแดนทั้งหมดเช่นกัน ฝ่ายทหารไทยเปิดจุดผ่านแดนเวลา 08.00-16.00 น. ขณะที่กัมพูชาตอบโต้ด้วยการเปิดจุดผ่านแดนเวลา 09.00-16.00 น. 

 

นอกจากนี้ พล.ท. สก เวสนะ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ได้ออกมาตรการกัมพูชาก็ตอบโต้ จำกัดระยะเวลาเข้าประเทศของพลเมืองไทย ให้เหลือเพียง 7 วัน จากปกติ 60 วันด้วย

 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี 
อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ตรวจเข้ม

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี 

อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ตรวจเข้ม ขณะประชาชนทั้ง 2 ประเทศสัญจรไปมา 

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ขณะที่ข้อมูลกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ในปี 2567 การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีการค้ารวม 175,530 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 141,846 ล้านบาท การนำเข้ามูลค่า 32,684 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 109,163 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ 4 เดือนแรกถึงเดือนเมษายน 2568 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 64,612 ล้านบาท เป็นการส่งออก 50,225 ล้านบาท และการนำเข้า 14,387 ล้านบาท ซึ่งไทยยังได้ดุลการค้ามูลค่า 35,838 ล้านบาท

 

สินค้าไทยที่ส่งออกไปยังกัมพูชา 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. เครื่องดื่มอื่นๆ เช่น นม UHT, นมถั่วเหลือง, เครื่องดื่มไม่อัดลมมูลค่า 2,665 ล้านบาท 2.น้ำแร่น้ำอัดลมที่ปรุงรสเช่น เครื่องดื่มชูกำลังและน้ำอัดลม มูลค่า 1,757 ล้านบาท 3. เครื่องยนต์สันดาปภายในและส่วนประกอบมูลค่า 1,863 ล้านบาท 4.ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ 1,616 ล้านบาท และ 5. สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่นๆ มูลค่า 1,371 ล้านบาท 

 

สำหรับปี 2567 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีการค้ารวม 175,530 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 141,846 ล้านบาท การนำเข้ามูลค่า 32,684 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 109,163 ล้านบาท 

 

สินค้าส่งออกสำคัญ คือ เครื่องดื่ม ส่วนประกอบรถยนต์/จักรยานยนต์, เครื่องยนต์, เครื่องจักรกลเกษตรคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง, เศษโลหะ (อะลูมิเนียม, ทองแดง), ลวดสายไฟ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารสัตว์, รีไซเคิล, อิเล็กทรอนิกส์

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังพลทหาร ที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังพลทหาร ที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารีรักษาความปลอดภัยจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ปัญหาชายแดนกัมพูชา กระทบเศรษฐกิจอีสานแค่ไหน 

 

สวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานอาวุโสหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า ในด้านเศรษฐกิจนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นถือเป็นการสูญเสียโอกาสทั้งตัวเลข และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการจำนวนมากไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ของประเทศเกี่ยวข้องกับความไม่สงบหรือความขัดแย้ง อยากเห็นบรรยากาศของการค้าและการขายที่ดำเนินไปอย่างปกติ 

 

แต่ในความมั่นคงก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทุกฝ่ายต่างต้องการเห็นสันติภาพกลับคืนมา เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง เพราะเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชาและลาว ต่างก็พึ่งพาประเทศไทยในฐานะแหล่งปัจจัยหลัก ทั้งด้านอาหาร และของอุปโภคบริโภคต่างๆ 

 

ปัจจุบันเศรษฐกิจภายในประเทศก็อยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่แล้ว การเกิดความขัดแย้งหรือเหตุการณ์ที่กระทบต่อเสถียรภาพเพิ่มเติม จึงยิ่งเป็นการซ้ำเติมระบบเศรษฐกิจให้ยิ่งเปราะบางลงไปอีก

 

มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 4–5 หมื่นล้านบาท หรืออาจมากกว่านั้น โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านด่านชายแดนสำคัญ เช่น ด่านในจังหวัดอุบลราชธานี และสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการค้าชายแดนค่อนข้างหนาแน่น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการค้าจริงมีแนวโน้มสูงกว่านั้น เนื่องจากยังมีการขนส่งสินค้าผ่าน ช่องทางธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านระบบศุลกากรอย่างเป็นทางการด้วย 

 

ภาคอีสานตอนล่างของไทย มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมากที่ใช้ในการค้าชายแดนกับกัมพูชา สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะด่านชายแดนสากลที่พยายามผลักดันให้เปิดใช้งานอย่างถาวรหลายแห่ง ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ 

 

เนื่องจากบางพื้นที่มีปัญหาซ้อนทับกับพื้นที่อนุรักษ์ หรืออยู่ในเขตป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงติดข้อจำกัดทางกฎหมายและขาดความคล่องตัวในการดำเนินงาน

 

แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่การค้าชายแดนก็ยังคงเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการในพื้นที่มักใช้ช่องทางที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางหลักหรือช่องทางรอง เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไป

 

หากเปรียบเทียบกับภาคอีสานตอนบนที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาว จะเห็นว่าช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ภาคอีสานล่างมีมากกว่า ส่งผลให้มูลค่าการค้าจำนวนไม่น้อยเกิดขึ้นผ่านเส้นทางเหล่านี้ แม้จะไม่ปรากฏในระบบอย่างเป็นทางการทั้งหมด

 

ที่ผ่านมาเอกชนในพื้นที่ได้เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งผลักดันการเปิดด่านถาวรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อรองรับการค้าชายแดนที่มีแนวโน้มขยายตัว และส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโต

 

สำหรับกรณีที่เกิดข้อพิพาทหรือความขัดแย้งบริเวณชายแดน มาตรการที่รัฐบาลและกองทัพมักนำมาใช้คือการปิดด่านชายแดนชั่วคราว ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะต่อพื้นที่ฝั่งไทยที่เป็นแหล่งผลิตและกระจายสินค้าไปยังตลาดชายแดน

 

ไทยเปรียบเสมือน ‘เส้นเลือดใหญ่’ ที่ป้อนสินค้าเข้าสู่ฝั่งกัมพูชา เมื่อเกิดการปิดด่านขึ้น ความกังวลที่ตามมาคือ ผู้บริโภคฝั่งกัมพูชาอาจหันไปใช้สินค้าจากจีนแทน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้จะเคยมีการปิดด่านมาแล้วหลายครั้ง ไทยก็ยังคงรักษาสถานะเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของกัมพูชาไว้ได้ 

 

เนื่องจากจุดแข็งของสินค้าจากไทย คือ ความเชื่อถือในคุณภาพ ความคุ้นเคยของผู้บริโภค และความสะดวกในการขนส่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

 

สวาท ธีระรัตนนุกูลชัย

สวาท ธีระรัตนนุกูลชัย 

ประธานอาวุโสหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาพ: หอการค้าจังหวัดอุดรธานี

 

ดังนั้นแม้จะเกิดความไม่แน่นอนในบางช่วงเวลา แต่ไทยก็ยังคงเป็นแหล่งค้าขายที่สำคัญที่สุดสำหรับฝั่งกัมพูชา เช่น อาหาร ข้าว พืชผักผลไม้ มาม่า ปลากระป๋อง ยังถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอยู่ของกัมพูชา ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้า ก็เช่น ข้าวโพด ข้าวหอมมะลิ เป็นต้น 

 

“ประชาชนในพื้นที่ทุกคนไม่อยากให้มีการปะทะ รวมถึงการปิดด่าน เพราะไทยและกัมพูชาเหมือนพี่เหมือนน้องกัน เราต้องพึ่งพากัน โดยเฉพาะเรื่องของแรงงาน แต่ถือไม่กระเทือนมาก เพราะยังมีช่องทางในการไปอยู่ โดยทั้ง 2 ฝั่งมองว่า เป็นแค่การเมืองมากกว่า” สวาทย้ำ

 

ประธานอาวุโสหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมองว่า การปิดด่านชายแดนนี้ ในภาคเศรษฐกิจถือว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เป็นการแก้ปัญหาในทางการเมืองและความมั่นคงเท่านั้น การเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามค้ายังถือเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดแล้ว การที่จะมาใช้เกมนี้บ่อยๆ ที่ไม่ดีนัก วันนี้เศรษฐกิจโลกผันผวน เราก็จะมีเพื่อนบ้านที่เขายังจำเป็นต้องใช้ซื้อขายกับไทย เราเป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งกิน แหล่งอยู่ของเขา

 

ส่วนโลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ไทยปิดด่านชายแดนอาจทำให้เวียดนามได้ประโยชน์มากกว่านั้น ประธานอาวุโสหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา คล้ายกับการที่เราปิดประตู แต่มีอีกคนเปิดไว้ โอกาสย่อมไหลไปทางที่เปิด

 

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ไทยก็ต้องเผชิญกับการแข่งขัน เพราะเมื่อช่องทางถูกปิด ต้นทุนสินค้าก็สูงขึ้น การขนส่งก็ล่าช้า และนั่นทำให้เราไม่อยากให้เกิดการปิดด่านขึ้นเลย แม้แต่การเปิดเพียง 5–6 ชั่วโมงต่อวัน ก็ยังดีกว่าการปิดโดยสิ้นเชิง

 

คนไทยโดยเฉพาะคนในพื้นที่ชายแดน มีศักยภาพในการค้าขายสูงมาก พวกเขาเหมือน ‘มดตัวเล็กที่มีพลังมหาศาล’ ในการเคลื่อนย้ายสินค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดน

 

ในภาพรวมมองว่าไม่น่าห่วง เพราะทุกครั้งที่มีข้อเรียกร้องหรือความเคลื่อนไหว มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่การเมืองร้อนแรง เช่น ก่อนการเลือกตั้ง เป็นช่วงที่ฝ่ายต่างๆ มักหยิบยกประเด็นขึ้นมาเคลื่อนไหว แต่สำหรับคนในพื้นที่สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่คุ้นชิน ไปแล้ว และต่างก็มีภูมิคุ้มกัน พร้อมจะปรับตัวกับเกมการเมืองได้เสมอ

 

ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น แทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลย หากดูจากตัวเลขในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาไม่ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในฝั่งไทยมากนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง เนื่องจากทั้งมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกับฝั่งกัมพูชาอยู่แล้ว จึงไม่ใช่จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยว

 

หากนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามาไทยส่วนใหญ่ มักมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์และความบันเทิงมากกว่า ส่วนในพื้นที่ชายแดน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามักมีวัตถุประสงค์เพื่อรับบริการด้านการรักษาพยาบาลมากกว่า

 

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสุรินทร์ เช่น โรงพยาบาลรามสุรินทร์ มีชาวกัมพูชาเดินทางข้ามแดนมารับบริการเป็นจำนวนมาก บางช่วงมีสัดส่วนสูงถึง 90% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising