วันนี้ (26 สิงหาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีข้อสั่งการจากภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีราชการแทนนายกรัฐมนตรีถึงการแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และผลกระทบจากสถานการณ์พายุคาจิกิ ซึ่งได้เตรียมแผนรับมือตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ มีข้อสั่งการเพิ่มเติม ดังนี้
- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ ให้กับกองทัพ ทั้งนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรีราชการแทนนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทหารหาญที่ประจำอยู่ชายแดนทั่วประเทศไทยในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องอดทนอดกลั้นจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา ทั้งปฏิบัติการทางทหาร และการใช้โล่มนุษย์ ที่อาศัยประชาชนนำหน้าเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่างๆ
ในการนี้ หากกองทัพต้องการสนับสนุนอุปกรณ์หรือทรัพยากรเร่งด่วนใดๆ ขอให้แจ้ง ศบ.ทก. ดำเนินการประสานจัดการให้ทันที โดยให้หน่วยงานต่างๆ ยึดถือว่าสถานการณ์ชายแดนเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีข้อสั่งการให้ ศบ.ทก. ประสานการปฏิบัติให้มีผลสัมฤทธิ์ กระชับความเป็นเอกภาพทั้งการทหาร การต่างประเทศ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ รวมถึงการปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงมาตรการอื่นๆ อาทิ เข้มงวดกับปฏิบัติการห้ามไม่ให้พลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนอย่างผิดกฎหมาย และการติดตามเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมด้านสแกมเมอร์
- สั่งการให้กรมอุตุนิยมฯ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์พายุคาจิกิอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. เพื่อตัดสินใจแจ้งเตือนภัย สื่อสารให้ทั่วถึงเหมาะสมด้วยระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบ cell broadcast และเตรียมการกู้ภัยในพื้นที่ที่ได้ผลกระทบอย่างทันการณ์
- สำหรับการบริหารจัดการระบบคลาวด์ภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลกลางของรัฐในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐาน เป็นระบบ ครบถ้วน และมีความปลอดภัย ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีการตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อ จัดจ้าง หรือเช่าใช้บริการระบบคลาวด์ (Cloud) ชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน
ทั้งนี้ เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National Cloud) ของประเทศไทย จากกระทรวงดีอี ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพื่อประกอบการดำเนินการ โดยให้กระทรวงดีอีเร่งเสนอแนวทางดังกล่าวต่อ ครม. ภายใน 1 เดือน