วันนี้ (11 ธันวาคม) สำนักข่าวต่างประเทศ Associated Press (AP) เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยระบุว่า ขณะนี้เหตุปะทะกันยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง และไร้วี่แววที่จะยุติลงโดยเร็ว ขณะที่ประชาชนหลายแสนคนที่ต้องพลัดถิ่นกำลังประสบกับภาวะเครียด เนื่องจากมีผู้หลั่งไหลเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวเพิ่มมากขึ้น
นักข่าวภาคสนามของ AP ที่อยู่ใกล้พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้ยินเสียงการสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเผยว่า เขามีแผนจะได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำทั้งสองประเทศเร็วๆ นี้ และแสดงความเชื่อมั่นว่าเขาจะโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบได้อีกครั้ง
ทางด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้คำมั่นว่า จะเดินหน้าสู้รบต่อไป ขณะที่ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างดุเดือด
การต่อสู้ครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งเรื่องดินแดนที่มีมายาวนาน โดยเริ่มจากการปะทะย่อยเมื่อวันอาทิตย์ (7 ธันวาคม) ซึ่งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและทำลายข้อตกลงหยุดยิงเดิม ฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงจรวด BM-21 (ระยะหวังผล 30-40 กม.) กว่า 3,000 ลูก พร้อมทั้งใช้ปืนใหญ่และโดรนทิ้งระเบิดโจมตี ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ส่งเครื่องบินขับไล่โจมตีทางอากาศ และทำลายรถเครนใกล้เขาพระวิหาร ซึ่งไทยอ้างว่าเป็นจุดติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมทางทหารของกัมพูชา
ความรุนแรงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อพลเรือนอย่างหนัก มีผู้พลัดถิ่นจำนวนมหาศาล โดยไทยอพยพประชาชนราว 400,000 คนใน 4 จังหวัดชายแดน และกัมพูชาอพยพชาวบ้านกว่า 127,000 คน โดยฝ่ายไทยมีทหารเสียชีวิตแล้ว 9 นาย ส่วนกัมพูชาระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
โรงพยาบาลในจังหวัดสุรินทร์ต้องอพยพ เนื่องจากถูกจรวดตกในพื้นที่ใกล้เคียง และมีการประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ของจังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ กัมพูชายังถอนทีมนักกีฬาจากการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย
สำนักข่าวระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเดือนกรกฎาคมมีความเปราะบางตั้งแต่ต้น เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงทำสงครามข้อมูลข่าวสาร (Propaganda War) และมีความขัดแย้งสะสม เช่น กัมพูชาไม่พอใจที่ไทยยังไม่คืนทหาร 18 นายที่ถูกจับกุม ส่วนไทยก็ไม่พอใจอย่างมากเรื่องทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกับระเบิดที่ระบุว่ากัมพูชาเพิ่งวางใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน
ภาพ: Athit Perawongmetha / Reuters
อ้างอิง:


