×

รมช.กลาโหม ย้อนถาม ฮุน มาเนต ประท้วงไทย วางทุ่นระเบิด-รื้อรั้วลวดหนาม อันไหนแรงกว่ากัน

โดย THE STANDARD TEAM
18.09.2025
  • LOADING...
thai-cambodia-border-clash-sa-kaeo

วันนี้ (18 กันยายน) ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุปะทะที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้วว่า แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ระดับที่ตนรับผิดชอบ คือ การเจรจาเริ่มจาก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ในข้อ 4 ระบุไว้แล้วว่าให้บริหารจัดการพื้นที่ และผู้ว่าฯ ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกัน และเมื่อวานนี้ (17 กันยายน) ที่ผู้ว่าฯสระแก้ว ไปคุยกับผู้ว่าบันเตียเมียนเจย ก็ยังไม่มีผลคืบหน้า ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ววานนี้ (17 กันยายน) ตนได้โทรไปคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 ให้เร่งประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ถ้าไม่ได้ความชัดเจนก็จะไปทวงในการประชุม GBC อีกครั้ง 

 

ส่วนจะทำให้มีปัญหาอีกหรือไม่ พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ถ้าเกิดก็ต้องเกิดเพราะเป็นเขตประเทศไทย พร้อมยอมรับว่า กัมพูชาปากว่าตาขยิบ ดูคล้ายเขามีความตั้งใจที่จะเข้าสู่กระบวนการ ส่วนหน้างานก็ว่ากันไปถ้าวันใดวันหนึ่งมารุกล้ำก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไทย การใช้กำลังไม่ต้องเป็นห่วง เราไม่ยอมแน่นอนในเรื่องเขตอธิปไตย 

 

ขณะนี้ ศบ.ทก. ที่ตั้งมาโดยรัฐบาลเก่ากำลังจะพ้นสภาพ ทำให้ความรับผิดชอบของตนเหลือความเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอย่างเดียว ฉะนั้นต้องมองเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว ส่วนเรื่องเศรษฐกิจคงต้องรอรัฐบาลใหม่ ซึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีย้ำว่าอธิปไตยต้องมาอันดับแรก

 

พล.อ. ณัฐพลกล่าวอีกว่า ถ้ามีการกระทำที่เกินกว่าเหตุมากกว่านี้ ก็ต้องมีการจับกุมบ้าง เพราะจากการสังเกตเมื่อวานนี้น่าจะเป็นการวางแผนไว้ของฝ่ายกัมพูชา พอมากระทำแล้ววันรุ่งขึ้นก็มีหนังสือไปถึงประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่สอดรับกันมาก 

 

“การที่นายกฯ กัมพูชา ไปประท้วงกับประเทศต่างๆ ว่าไทยกระทำต่อชาวกัมพูชา ซึ่งภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยากจะเรียนว่า 1.หัวหน้าชุด IOT ของฝ่ายไทย ที่มาจากมาเลเซีย ได้กล่าวชมเชยไทยเมื่อวาน ว่าปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งเราต้องพยายามทำตามขั้นตอนไว้ 2.เราประท้วงกัมพูชาว่า มาวางกับระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 กัมพูชากลับมาประท้วงไทยว่าวางรั้วลวดหนาม ซึ่งก็ต้องดูว่าอันไหนมันแรงกว่ากัน ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้ประสานกระทรวงต่างประเทศ ให้ทำหนังสือประท้วงไปเช่นกัน”

 

พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ระหว่างรอการประชุม JBC ในเดือนพฤศจิกายน ยังมีการประชุม GBC คั่นกลาง ซึ่งตนได้คุยกับ พล.อ. เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาว่าในช่วงระหว่างนี้ให้ผู้ว่าฯ คุยกัน แต่ถ้าทำอะไรเกินกว่าเหตุ ไทยขอที่จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะนี่เป็นแผ่นดินไทยชัดเจน 

 

“วันนั้นผมจำได้แม่นว่า ผมพูดกับ พล.อ. เตีย เซยฮา ว่า แม้ว่าเส้นเขตแดนจะไม่ชัดเจน แต่สื่อทุกสำนักทราบว่ามันมีเส้นน้ำเงิน เส้นแดง ซึ่งตอนนี้ทั้ง 2 เส้นก็เป็นที่รับทราบทั่วไปแล้ว ซึ่งต้องรอ JBC แต่ใต้เส้นแดงคือของเขตของไทย ขอใช้กฎหมายไทย และเราก็คำนึงถึงมนุษยธรรมอยู่ว่าประชาชน 2 ฝ่ายในที่สุดก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าเขาทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ ทางฝ่ายปกครองและฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาไม่มาดูแล ไม่มาจัดการฝ่ายไทยก็ต้องข้ามขั้นตอนไปเหมือนกัน คงต้องทำเกินกว่าที่ตกลงกันไว้”

 

พล.อ. ณัฐพล ปฏิเสธที่จะตอบกรณีจะใช้โอกาสนี้ในการกระชับพื้นที่คืนหรือไม่ พร้อมระบุว่า เพราะตนต้องระมัดระวังในการพูด เนื่องจากเป็นช่วงระหว่างรัฐบาลเก่าและรัฐบาลใหม่ สถานะจึงยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้ แต่ก็ได้คุยเป็นการส่วนตัวกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 1 ว่าขอให้ดำเนินการตามกรอบที่มีอยู่ ทุกท่านมีอำนาจตัดสินใจได้อยู่แล้ว ฉะนั้นการกระทำใดที่เป็นการล่วงล้ำอธิปไตยสามารถตัดสินใจได้ทันที

 

ส่วนความคืบหน้าในการสร้างรั้วชายแดนด้านจังหวัดสระแก้ว พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ขณะนี้มีความเห็นสองด้าน ซึ่งในบางจุดมีคลองคั่นอยู่ตรงกลาง  ฝ่ายที่อยากให้สร้างต้องการมีไว้เพื่อป้องกันอาชญากรรม ขณะที่บางฝ่ายไม่เห็นด้วยโดยบอกว่าเราจะเสียสภาพการครอบครองระหว่างกลางคลองขึ้นมาได้ จึงได้ให้ไปหารือในรายละเอียดและต้องนำเข้าไปพิจารณาในสภาความมั่นคงแห่งชาติก่อน เพราะเกี่ยวเนื่องกับอธิปไตย และเป็นเรื่องที่มีคนพร้อมจะตัดพ้อต่อว่า ดังนั้น เมื่อเราเป็นรัฐบาลก็ต้องระมัดระวัง

 

พล.อ. ณัฐพลยังกล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ก็จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยทันที ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้นั่งกันเฉยๆ มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด ปัญหาก็คือ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเป็นทางการ ต้องรอคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising