สัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงยังคงกดดันตลาดการเงินโดยรวม ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมของ Fed หลังเงินเฟ้อ CPI ล่าสุดสหรัฐฯ ยังคงเร่งตัวสูงขึ้น เพิ่มโอกาส Fed อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน Fed หรือ FOMC เดือนมิถุนายน เราเชื่อว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.25-1.50% พร้อมกันนี้ ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้ Fed สามารถส่งสัญญาณพร้อมเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งตลาดจะรอจับตาประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจใหม่ของ Fed รวมถึงคาดการณ์ดอกเบี้ย Fed หรือ Dot Plot ใหม่ เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
โดยล่าสุดในมุมมองของผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า Fed จะทยอยขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม และอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน ก่อนจะกลับมาขึ้น 0.50% และ 0.25% ในการประชุมถัดมา ทำให้ Terminal Rate ของ Fed จะสูงถึง 3.75% ในไตรมาส 1 ของปีหน้า ในมุมมองของผู้เล่นในตลาดล่าสุด
นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของประธาน Fed ในช่วง Press Conference เพื่อจับตาการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยเฉพาะโอกาสที่ Fed อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.50% เพื่อคุมเงินเฟ้อ และที่สำคัญ ตลาดอาจรอฟังการประเมินความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวหนัก จนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) จากประธาน Fed หลังจากประเด็นดังกล่าวเริ่มเป็นที่กล่าวถึงในตลาดการเงินมากขึ้น และนอกเหนือจากถ้อยแถลงของประธาน Fed ตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ Fed โดยเฉพาะ Christopher Waller ว่าจะมีการส่งสัญญาณสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงของ Fedหรือไม่
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เป็นหลัก โดยเงินบาทอาจอ่อนค่าทดสอบแนวต้านในโซน 34.80-35.00 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ พูนมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอได้บ้างจากแรงขายทำกำไรทองคำ ขณะเดียวกันโซนแนวต้านดังกล่าวอาจมีแรงขายเงินดอลลาร์พอสมควรจากฝั่งผู้ส่งออก นอกจากนี้ เงินบาทจะยังไม่อ่อนค่าทะลุระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ หากตลาดไม่ได้กังวลการเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในบางพื้นที่ของจีน จนหันมาเทขายสินทรัพย์ฝั่ง EM Asia ทั้งหุ้นและบอนด์อย่างรุนแรง
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราประเมินว่าเงินดอลลาร์ยังคงมีแรงหนุนฝั่งแข็งค่าตามแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อย่างไรก็ดี หาก Fed ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงอย่างที่ตลาดได้คาดการณ์ หรือ Priced-in ไปบ้างแล้ว (ตลาดประเมิน Fed อาจมีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน และ Terminal Rate ก็อาจสูงถึง 3.75%) ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์ให้ย่อตัวลงได้ในช่วงหลังรับรู้ผลการประชุม Fed หรือหลังช่วง Press Conference ของประธาน Fed
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทั้งความเสี่ยงสงคราม ปัญหาการระบาดของโอมิครอนในจีน และความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน Fed เราแนะนำว่าผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.70-34.90 บาทต่อดอลลาร์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
