วันนี้ (24 กรกฎาคม) เวลา 17.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวสรุปสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา เริ่มเปิดฉากปะทะตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า
สำหรับสถานการณ์ในวันนี้ไม่ได้แตกต่างไปในช่วงกลางวัน ซึ่งยืนยันว่าไทยไม่ได้มีเจตนาหรือแรงจูงใจโจมตีฝ่ายกัมพูชา เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ และไม่มีเหตุผลที่จะไปทำเช่นนั้นหากไม่เกิดความจำเป็น ภายหลังถูกบีบบังคับเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กองทัพบกดำเนินการภายใต้ความชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการใช้กำลังตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 สามารถใช้กำลังป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธจากฝ่ายกัมพูชา และการตอบโต้ฝ่ายไทยมุ่งทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้บริหารฝ่ายไทยและกัมพูชาต้องหาทางเจรจาในระดับรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางสันติวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาต้นเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากประชาชนสองประเทศไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาขัดแย้งกัน และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือนนั้น การใช้อาวุธและปฏิบัติการทางทหารตามกติกาต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด และเป็นเป้าหมายทหารเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกัมพูชาเพราะผิดกฎกติกาสากล เมื่อเกิดเหตุเราก็ต้องดูแลอย่างดีที่สุด การปฏิบัติทางฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง ช่วยกันแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเราไม่อยากให้เกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่มีการส่งเครื่องบิน F-16 โจมตีกัมพูชา 2 รอบ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการการใช้อาวุธสนับสนุนระยะไกลโดยใช้อากาศยาน ถือว่ามีความแม่นยำ และไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายที่นอกเหนือจากแผนที่วางไว้ เพราะฉะนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ ส่วนจะมีผลต่อฝ่ายกัมพูชายอย่างไรก็ต้องติดตาม แต่สิ่งที่ใช้เป็นไปตามเหตุผลและความจำเป็น และอยู่ในกรอบการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหาร
ส่วนการสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา ตนไม่ได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการ และยังประเมินไม่ได้ว่าการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ต้องใช้เวลากี่วัน แต่เชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง แต่ปรารถนาอยากให้จบลงรวดเร็วและสั้นที่สุด
นอกจากนี้มีพื้นที่อื่นเชื่อว่ายังทำงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งสรุปการปฏิบัติการในวันนี้ สำเร็จตรงเป้า ไม่ได้ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเรามีความพร้อม บางครั้งประชาชนอาจจะมองว่าไม่ทันใจ แต่จริงๆ แล้วเรื่องของแผนและการเตรียมการมีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติต้องอยู่ในกรอบกติกาสากลไม่เกินกว่าเหตุ
ยืนยันว่าทางกัมพูชาใช้อาวุธก่อน ในพื้นที่ของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งพื้นที่นี้เริ่มผิดปกติ มีการใช้มวลชน ซึ่งทุกเหตุการณ์มีพัฒนาการของตัวเองและมีการจัดระเบียบและมีที่มาที่ไป และมีความตั้งใจที่จะให้เป็นแบบนั้น ซึ่งเราทราบดีและตอบโต้ไม่เหมาะสม ไม่ทำให้สิ่งที่เราทำมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศในมุมมองของสากล
ส่วนข้อสังเกตถึงสายลับที่ทำตัวเหมือนประชาชน แล้วแอบถ่ายจำนวนเจ้าหน้าที่ทหารส่งไปให้กับทางกัมพูชานั้น ก็ต้องเฝ้าระวังและตรวจสอบต่อไป