วันนี้ (28 กันยายน) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์วานนี้ (27 กันยายน) ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ทำการใช้อาวุธยิงหลายขนาดเข้ามาในพื้นที่เขตอธิปไตยไทย บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นั้น มีลำดับเหตุการณ์สำคัญที่กองทัพบกได้บันทึกไว้ ดังนี้
– เวลา 11.55 น. ตรวจพบเสียงปืน ค. และปืนกลจากฝ่ายกัมพูชา บริเวณเนิน 677
– เวลา 12.00 น. ตรวจพบเสียงยิงปืน ค. จากเนิน 677 ไปยังเนิน 600
– จากนั้น เวลา 11.55–12.07 น. ฝ่ายกัมพูชายิงเครื่องยิงลูกระเบิด 40 มม. และปืนเล็กยาวใส่เนิน 600
– ต่อมา เวลา 12.10 น. ฝ่ายกัมพูชายิงปืนกล 93 ใส่เนิน 527 (3 ชุด ชุดละ 5 นัด) ฝ่ายไทยยิงตอบโต้
– กระทั่งเวลา 12.16 น. ฝ่ายกัมพูชายิงปืนเล็กยาวใส่เนิน 600 ฝ่ายไทยยิงตอบโต้กลับ
– เวลา 12.23–12.35 น. ฝ่ายกัมพูชายิงปืนไม่ทราบชนิด 3 นัด และ ค. รวม 11 นัด จากพื้นที่ช่องอานม้า ไม่ทราบเป้าหมาย
– เวลา 13.00 น. ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) กัมพูชาเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานมาในช่วงบ่าย
จากนั้น เวลา 13.15 น. พล.ท. หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาแถลงชี้แจงในทันที หลังเหตุการณ์ยิงยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา โดยอ้างว่า ฝ่ายไทยโจมตีไปยังฐานทหารกัมพูชา จากนั้ นสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อขยายผลเหตุการณ์ดังกล่าว
เสียงยิงหยุดลงในเวลา 13.30 น. พื้นที่ช่องอานม้าไม่ปรากฏการยิงเพิ่มเติม ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังประจำแนว
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเมื่อพิจารณาประมวลลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่ามีลักษณะ การทำงานที่ดูมีความประสานสอดคล้องกันจนผิดธรรมชาติ ต่างจากทุกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงการเตรียมการวางแผนล่วงหน้า เริ่มจากการยั่วยุด้วยอาวุธที่มุ่งหวังบันทึกภาพ และบิดเบือนว่าฝ่ายไทยเข้าโจมตีละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
สอดรับกับการนัดหมายให้คณะ IOT กัมพูชาเข้ามาเฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และปิดท้ายด้วยการแถลงชี้แจงเพื่อกล่าวหาฝ่ายไทย โดยทางการฝ่ายกัมพูชา พร้อมสร้างภาพว่าเป็นผู้ถูกกระทำต่อสังคมโลก ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเพียงเป้าหมายของการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
พล.ต. วินธัยระบุว่า ในความเป็นจริงคือ ฝ่ายกัมพูชาจงใจวางแผนสร้างเรื่อง ใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตไทย ยั่วยุหวังให้ไทยโจมตี พร้อมนัดหมายคณะ IOT เข้ามาในพื้นที่ และเตรียมสร้างหลักฐานเท็จว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ละเมิดมาตรการหยุดยิง ควบคู่กับการแถลงการณ์และรายงานกล่าวหาไทย ในลักษณะกล่าวหาบิดเบือนต่อสังคมโลก อันเป็นวิธีการที่ขาดความจริงใจและสะท้อนเจตนาที่ต้องการเพิ่มเติมความขัดแย้งให้มากขึ้น
โฆษกกองทัพบก กล่าวย้ำว่า การละเมิดหยุดยิงที่ร้ายแรงอย่าง กรณีการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งละเมิดอนุสัญญาฯ เป็นการใช้อาวุธแบบซ่อนรูป ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ควรจะเป็นประเด็นหลักที่คณะ IOT ต้องให้ความสำคัญตรวจสอบอย่างจริงจังด้วย เพราะเป็นเรื่องหลักที่มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ในระยะหลังสังคมจะเห็นเพียงภาพ คณะ IOT ฝั่งกัมพูชาเหมือนจะลงสังเกตการณ์เฉพาะในพื้นที่ตามที่ฝ่ายกัมพูชาชี้ให้ เพื่อเป็นองค์ประกอบสนับสนุนการสื่อสารให้กัมพูชาเป็นหลัก ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งมีหลายฝ่ายมองว่าเป็นการจัดฉากขึ้นมาอย่างเป็นระบบชัดเจน