วันนี้ (18 สิงหาคม) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีที่ชาวกัมพูชาออกมาร้องเรียนว่าทหารไทยปักรั้วลวดหนามรุกล้ำดินแดน โดยยืนยันว่าพื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทนั้น เป็นส่วนหนึ่งของเขตแดนประเทศไทย
พล.ต. วินธัย ชี้แจงว่าปัญหาดังกล่าวมี 2 ประเด็นหลัก
- ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน: เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงตำแหน่งหลักเขตแดนที่แน่นอนได้ เนื่องจากกัมพูชาอ้างว่ามีการเคลื่อนย้ายหลักเขตเข้ามาในฝั่งของตนเอง ซึ่งต้องรอการแก้ไขในระยะยาวผ่านกลไกทวิภาคีอย่าง JBC (คณะกรรมการเขตแดนร่วม)
- ปัญหาผู้ลี้ภัย: ในอดีตเมื่อปี 2520 ประเทศไทยเคยเปิดพื้นที่ให้ชาวกัมพูชาลี้ภัยสงครามเข้ามาอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่หลังจากสถานการณ์สงบลง พบว่ามีชาวกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับ และยังคงสร้างชุมชนอย่างถาวรในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 43
โฆษกกองทัพบกยังย้ำว่า การติดตั้งรั้วลวดหนามที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การกำหนดแนวเส้นเขตแดน แต่เป็นเพียงการสร้างแนวสิ่งกีดขวางเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับกำลังพล และป้องกันการลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ พล.ต. วินธัยยังกล่าวถึงพฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชาว่ามีการสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่อ้างสิทธิ์และฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทัพบกโดยกองกำลังบูรพาได้ประท้วงและร้องเรียนไปยังฝ่ายกัมพูชาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2557 แต่กลับไม่เคยได้รับการชี้แจงหรือแก้ไขปัญหาใดๆ
โฆษกทบ. สรุปว่า ฝ่ายกัมพูชามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือรุกล้ำอธิปไตยของไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับทหาร และเพื่อสร้างเรื่องราวบิดเบือนต่อประชาคมโลก หวังให้เกิดความเห็นใจจากนานาชาติ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมที่ไทยเคยแสดงออกในอดีต
อ้างอิง :
- ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก