Tether เหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดในโลกคริปโต ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท ได้จ่ายเงินคืนแก่ผู้ลงทุนที่มาถอนเงินออกไปกว่า 3 แสนล้านบาท นับตั้งแต่เกิดการพังทลายของเหรียญ UST (Algorithmic Stablecoin) แต่ผู้บริหาร Tether ยังคงยืนยันว่า ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
โดยการที่มีคนจำนวนมากออกมาแห่ถอนเงินจาก Tether (USDT) สะท้อนให้เห็นว่าเหรียญดังกล่าวกำลังค่อยๆ เข้าสู่ภาวะ ‘Slow-motion Bank Run’ หรือการทยอยถอนเงินอย่างช้าๆ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิ่งไปหาเงินที่ได้รับการดูแล และการคุ้มครองจากฝ่ายกำกับดูแล
จากการทยอยไถ่ถอนของนักลงทุนออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ถูกถอนออกไปแล้วกว่า 12.5% ของเงินสำรองทั้งหมด ทำให้เหรียญ USDT ประสบกับภาวะหลุด ‘PEG’ หรือการหลุดการตรึงมูลค่าเป็นระยะๆ
นอกจากนี้ หากย้อนไปช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Tether เคยถูกไถ่ถอนเงินอย่างหนักจากนักลงทุนมาแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่ Tether ได้รายงานการตรวจสอบบัญชีว่า เงินสำรองที่ Tether มีประกอบไปด้วย พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐผสมกับหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน และมีเงินกว่า 1.52 แสนล้านบาท ที่ถูกนำไปลงในหมวดการลงทุนอื่นๆ ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงสภาพคล่องที่จะช่วยตรึงมูลค่าเหรียญ USDT กับดอลลาร์สหรัฐแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
ล่าสุดก่อนที่จะเกิดการพังทลายของเหรียญ UST รายงานของ Tether ก็เผยว่า มีการเก็บเงินสดไว้ราว 6 แสนล้านบาท และ 2.1 แสนล้านบาทอยู่ในตลาดเงิน และเกือบๆ 1.2 ล้านล้านบาทอยู่ในพันธบัตรสหรัฐฯ และอีก 2.1 แสนล้านบาทอยู่ในการลงทุน เช่น หุ้นกู้เอกชน, กองทุนหรือโลหะ และอื่นๆ (เหรียญคริปโต)
แต่อย่างไรก็ตาม พาโล อาโดนิโอ ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Tether ชี้ว่า เราสามารถที่จะรักษาเสถียรภาพของ USDT ได้แม้จะผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือที่เรียกว่า Black Swan มาหลายครั้ง และเราไม่เคยเกิดธุรกรรมการไถ่ถอนจากลูกค้าที่ล้มเหลวเลยแม้แต่ครั้งเดียว และรายงานการเงินล่าสุดของเราเป็นตัวเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่ง และสภาพคล่องที่มากพอของเราได้ดีทีเดียว
อ้างอิง: