เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในซานฟรานซิสโกได้ฟ้องบริษัท Tesla และ อีลอน มัสก์ ในข้อหา ‘หลอกลวงและทำให้เข้าใจผิด’ สำหรับการโฆษณา Autopilot และฟีเจอร์ช่วยขับขี่ขั้นสูงอย่าง ‘Full Self-Driving’
ภายในเอกสารฟ้องร้องอ้างว่ามัสก์และ Tesla นั้น “หลอกลวงผู้บริโภคเกี่ยวกับความสามารถในปัจจุบันของเทคโนโลยี ADAS (ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง) ด้วยการแสดงให้เห็นว่าบริษัทอยู่บนจุดสูงสุดของการทำให้เทคโนโลยีนั้นสมบูรณ์แบบ และในที่สุดก็จะบรรลุสัญญาในการผลิตรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ซึ่งมัน “ตรงกันข้ามกับคำสัญญาของ Tesla ที่ย้ำว่าจะมีรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบภายในไม่กี่เดือนหรือ 1 ปี หากแต่บริษัทไม่เคยขยับเข้าใกล้เป้าหมายนั้นเลย”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อีลอน มัสก์ ชะลอการเข้าซื้อ Twitter เพราะมองว่าไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะซื้อหาก ‘สงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้น’ จากสงครามรัสเซียบุกยูเครน
- จับตา Tesla รับสมัคร ‘พนักงานในไทย’ อาจส่งสัญญาณถึงขั้น ‘ตั้งฐานการผลิต’ ได้หรือไม่?
- อีลอน มัสก์ ขายหุ้น Tesla ล็อตใหม่อีก มูลค่า 6.88 พันล้านดอลลาร์ แม้เคยบอกว่าไม่มีแผนจะขายหุ้นออกเพิ่ม
ระหว่างการพิจารณาคดี โจทก์อย่าง บริกส์ มัตส์โก กล่าวว่า เขาควักเงินประมาณ 5,000 ดอลลาร์เพื่อซื้อฟีเจอร์พวกนั้นในปี 2018 เช่นเดียวกับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจาก Tesla คนอื่นๆ ที่จ่ายเงินเพื่อซื้อฟีเจอร์ Enhanced Autopilot ที่ตอนนั้นถูกขายในฐานะรุ่นพี่ของฟีเจอร์ Full Self-Driving ซึ่ง ณ ตอนนี้มีราคา 15,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 555,000 บาท ซึ่งมัตส์โกต้องการดำเนินคดีแบบกลุ่มสำหรับคนที่ตกอยู่ในถานการณ์เดียวกันกับเขา
คดีความนี้พุ่งเป้าไปที่การใช้ ‘คำศัพท์’ ในการตั้งชื่อฟีเจอร์ต่างๆ ของ Tesla รวมถึงชื่อ ‘Autopilot’ เช่นเดียวกับคำแถลงต่อสาธารณะและทวีตต่างๆ ของมัสก์เกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ยังไม่เสร็จดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวอ้างของมัสก์ว่าการเดินทางทั่วทั้งสหรัฐฯ แบบไร้คนขับจะเกิดขึ้นภายในปี 2018 และในปี 2019 ที่เขาอ้างว่าจะมีรถแท็กซี่ไร้คนขับกว่า 1 ล้านคันบนท้องถนน โดยกล่าวว่า “1 ปีจากนี้ไป เราจะมีรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคันที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ มีซอฟต์แวร์…มีทุกอย่าง”
ซึ่งการเดินทางข้ามประเทศดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากมัสก์ยอมรับว่าต้องมีเส้นทางพิเศษเพื่อให้มันเกิดขึ้น และกล่าวว่าเขาต้องการให้ทีม Autopilot ให้ความสำคัญกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัยมากกว่า
และสำหรับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ แฟ้มคดีดังกล่าวอ้างว่าเป็นการฉ้อโกง โดยอ้างถึงวิดีโอจากปี 2016 ของ Tesla ที่แสดงให้เห็นว่า Model X ขับออกจากโรงรถ เข้าไปในเมือง ทิ้งคนขับไว้ที่จุดหมายปลายทาง และไปจอดรถเข้าซองโดยอัตโนมัติ
มัตส์โกกล่าวว่า เขาต้องการคำสั่งชั่วคราว “ที่ห้าม Tesla ทำการตลาดที่หลอกลวงและทำให้เข้าใจผิดสำหรับเทคโนโลยี ADAS ชดใช้เงินที่โจทก์และผู้ร่วมฟ้องร้องที่จ่ายไปสำหรับเทคโนโลยีที่ Tesla สัญญาไว้ว่าจะให้แต่ไม่เคยมีให้ รวมถึงค่าเสียหายทั้งหมดที่มีอยู่ และค่าเสียหายเชิงทำโทษ เพื่อลงโทษ Tesla ที่ใช้การตลาดเพื่อหลอกลวงและทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดมาหลายปีเพื่อทำให้ตัวเองโดดเด่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า”
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP