เอริก เทน ฮาก เตรียมนำลูกทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งจะพบกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกครั้ง โดยมีถ้วยเอฟเอคัพเป็นเดิมพันเหมือนเมื่อปีที่แล้ว
แต่เกมนี้อาจไม่ได้เป็นแค่นัดสุดท้ายของฤดูกาลเพียงอย่างเดียว เพราะมันอาจจะกลายเป็นนัดสุดท้ายสำหรับผู้จัดการทีมชาวดัตช์ด้วย
แมนฯ ยูไนเต็ด จะปลดเทน ฮาก พ้นจากตำแหน่งจริงตามกระแสข่าวหรือไม่ และหากเป็นเรื่องจริง ใครบ้างที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวตายตัวแทนตำแหน่งนายใหญ่แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด
ช่วงปิดฤดูกาลนี้กลายเป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในหมู่สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป สโมสรบิ๊กเนมหลายแห่งต้องเร่งในการตามหาตัวกุนซือคนใหม่อย่างจ้าละหวั่น
ลิเวอร์พูลเดินเกมเร็วและสามารถคว้าตัว อาร์เน สลอต โค้ชไฟแรงจากทีมเฟเยนูร์ดมาร่วมทีมได้เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่บาเยิร์น มิวนิก หลังอกหักมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนก็ดูเหมือนจะได้คนที่ใช่ (อย่างน้อยในตอนนี้) อย่างแว็งซองต์ กอมปานี มากุมบังเหียนต่อจาก โธมัส ทูเคิล
เชลซีเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่ต้องหาผู้นำคนใหม่หลังจากที่ตัดสินใจแยกทางกับ เมาริซิโอ โปเชตติโน ทันทีหลังจบฤดูกาลจากกรณีปัญหาเรื่องแนวทางและวิธีการทำงานที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้จัดการทีมและฝ่ายบริหารของสโมสร
การเปลี่ยนแปลงภายในรั้วสแตมฟอร์ดบริดจ์ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงแมนฯ ยูไนเต็ด ไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะการที่โปเชตติโนกลายเป็นคนว่างงาน ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่ฝ่ายบริหารชุดใหม่ของโรงละครแห่งความฝัน ซึ่งนำมาโดย เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มองว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่จะมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในฤดูกาลหน้า
ถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้จะยังไม่มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากเบื้องบนว่า ต้องการให้มีความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือของสโมสรหรือไม่ หลังจากที่เทน ฮาก พาทีมจบฤดูกาลได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการจบเป็นอันดับที่ 8 พร้อมทุบสถิติเลวร้ายหลายอย่าง แต่ทางฝ่ายบริหารให้การปกป้องแบบอ้อมๆ ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะกุนซือชาวดัตช์ไม่เคยได้รับการสนับสนุนที่ดีพอจากทั้ง ‘โครงสร้าง’ ของสโมสรซึ่งล้มเหลวไปเสียทุกจุด
แต่ตอนนี้สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มกลายเป็น ‘ลมเปลี่ยนทิศ’ ไปแล้ว
เพราะนอกจากโปเชตติโนแล้ว ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจคนอื่นๆ อย่าง โธมัส ทูเคิล, โธมัส แฟรงก์ และคนที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้อย่าง คีแรน แมคเคนนา ผู้จัดการทีมที่พาอิปสวิชกลับขึ้นพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งเคยเป็นสตาฟฟ์ในยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มาก่อน
การที่มีชื่อของตัวเลือกที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมา มีส่วนอย่างมากต่อการตัดสินใจของทีมบริหารจาก INEOS Sport
เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจที่จะทาบทามมาแทนที่ของเทน ฮาก มีไม่มากนัก ซึ่งชื่อของ แกเร็ธ เซาท์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กับ เกรแฮม พอตเตอร์ อดีตผู้จัดการทีมไบรท์ตันและเชลซี ดูจะยังไม่เป็นที่ถูกใจสาวก Red Army ที่มองว่าทั้งสองคนนี้ยังไม่ใช่คนที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งและภารกิจที่ยิ่งใหญ่
นั่นทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด จึงมีท่าทีที่อาจจะให้โอกาสแก่เทน ฮาก ในการทำทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยที่เหตุผลประกอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องของการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้จัดการทีมและสตาฟฟ์ที่คาดว่าจะต้องใช้เงินไม่น้อย และจะกระทบต่องบประมาณในการทำทีมฤดูกาลหน้าที่มีจำกัด ซึ่งตัวเลขล่าสุดที่มีการพูดกันนั้นอาจไม่ใช่ 100 ล้านปอนด์ แต่อาจเหลือแค่ 35 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
แต่การที่คนมีฝีมือและมีประวัติการทำงานที่ใช้ได้อย่าง เมาริซิโอ โปเชตติโน ที่แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักกับเชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ผลงานช่วง 2 เดือนหลังทำให้ทีมที่ไม่มีทรงกลับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขั้นจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 6 เป็นผลงานพิสูจน์ฝีมือได้ดีพอสมควร
ส่วนทูเคิล ถึงแม้จะล้มเหลวหนักกว่าอีกกับบาเยิร์น มิวนิก ด้วยการพาทีมจบฤดูกาลเป็นทีมอันดับ 3 ในบุนเดสลีกา และไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือเลยแม้แต่รายการเดียว แต่ชื่อเสียงเก่าๆ ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่
เช่นเดียวกับแมคเคนนา ที่แม้จะเป็นกุนซือมือใหม่ แต่ผลงานร้อนแรงกับอิปสวิชทำให้เป็นที่หมายตาของสโมสรยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เพราะทำทีมเล่นได้อย่างน่าดูชม นอกจากความสวยงามลื่นไหลแล้ว ยังมีประสิทธิภาพและมีวิธีการเล่นที่ดีมากด้วย
ขณะที่ โธมัส แฟรงก์ ชื่อชั้นอาจจะไม่ดีเหมือนโปเชตติโนและทูเคิล และไม่ได้ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบแมคเคนนา แต่พิสูจน์ผลงานกับเบรนท์ฟอร์ดตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาว่าด้วยวิธีการเล่นและแนวทางแล้ว สามารถทำให้ทีมเล็กๆ สู้กับทีมใหญ่ได้อย่างสนุกสูสี
อีกเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ลมทำท่าจะเปลี่ยนทิศในโอลด์แทรฟฟอร์ดก็คือ การที่เชลซีสั่งปลดโปเชตติโน และมองเป้าหมายอย่างทูเคิล, แมคเคนนา รวมถึงแฟรงก์เอาไว้ด้วยเช่นกัน
นั่นทำให้ INEOS ต้องรีบขยับตัว เพราะหากช้าอาจหมายถึงการพลาดโอกาสจากคนที่เป็นตัวเลือกที่ดีไปให้กับเชลซีก่อน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้เกมที่เวมบลีย์ในวันเสาร์นี้ไม่ว่าจะจบลงแบบไหนก็ตาม อาจหมายถึงการคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นัดสุดท้ายสำหรับ เอริก เทน ฮาก
แม้ว่าจะยังมีเสียงสนับสนุนในตัวกุนซือชาวดัตช์อยู่บ้างบนความเห็นใจต่อการที่ต้องแบกรับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บของผู้เล่น โดยเฉพาะแผงหลังที่แทบไม่เหลือให้ใช้งานแล้ว ไปจนถึงเรื่องปัญหาความหย่อนยานไม่เป็นมืออาชีพของลูกทีมหลายคน และนักเตะที่หมดสภาพจำนวนไม่น้อยที่จะถูกอัปเปหิออกไปหลังจบฤดูกาลนี้
แต่ในอีกด้านก็มีการมองว่า ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เทน ฮาก ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นเลยว่า ‘ดีเอ็นเอ’ ของแมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของเขามีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ ไม่มีเค้าลางของทีมที่เล่นฟุตบอลสมัยใหม่ที่สวยงามเหมือนตอนคุมอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม แม้แต่น้อย และนักเตะที่เลือกเข้ามาหลายคนก็เป็นความล้มเหลวที่น่าอับอาย เช่น แอนโทนี, เมสัน เมาท์ หรือ ไทเรลล์ มาลาเซีย แบ็กซ้ายที่เจ็บทั้งฤดูกาล จนแฟนบอลแทบจะลืมชื่อไปแล้ว
การตัดจบแค่ตรงนี้แล้วลองเริ่มต้นยุคสมัยใหม่กันอย่างจริงจัง ถึงจะเจ็บแต่ก็อาจจะจบได้สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ดี ไม่มีใครกล้าฟันธงได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าเมื่อจบเกมที่เวมบลีย์แล้วจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของเทน ฮาก อย่างไร
โดยเฉพาะหากสามารถสร้างเซอร์ไพรส์พาทีมพิชิตแมนฯ ซิตี้ ได้ขึ้นมา
ทุกอย่างยังเป็นไปได้เสมอ
อ้างอิง: