รถยนต์ไร้คนขับของ UBER พุ่งชนหญิงวัยกลางคนเสียชีวิตระหว่างจูงจักรยานข้ามถนนในรัฐแอริโซนา ด้านผู้ให้บริการไรด์แชริ่งจากสหรัฐฯ สั่งระงับการทดสอบระบบรถยนต์ไร้คนขับทั่วประเทศทันที
ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ได้เกิดโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจ เมื่อรถยนต์ไร้คนขับของผู้ให้บริการไรด์แชริ่ง UBER พุ่งชน เอเลน เฮิร์ซเบิร์ก สตรีวัย 49 ปี ระหว่างกำลังจูงจักรยานของเธอข้ามถนนในเมืองเทมเป รัฐแอริโซนา ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล
มีการเปิดเผยว่ารถยนต์ที่ใช้วิ่งทดสอบระบบคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ SUV แบรนด์ Volvo รุ่น XC90 คันสีเทา ปี 2017 ระหว่างเกิดเหตุ รถคันดังกล่าวอยู่ในโหมด autonomous หรือวิ่งแบบไร้คนขับ โดยมีเจ้าหน้าของ UBER จำนวน 1 คนนั่งควบคุมระบบอยู่ในตำแหน่งคนขับอีกที
หลังจากเกิดเหตุ UBER ได้นำส่งรถยนต์คันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมสั่งระงับการทดสอบระบบรถยนต์ไร้คนขับทั่วประเทศทันทีทั้งในเมืองเทมเปและฟีนิกซ์ ในรัฐแอริโซนา, พิตต์สเบิร์ก ในรัฐเพนซิลเวเนีย, ซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงโทรอนโต ในแคนาดา
ดารา คอสราวชาฮี ซีอีโอ UBER ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงแสดงความอาลัยต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยังยืนยันว่ากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกฎหมายท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในครั้งนี้
ขณะที่ตำรวจในเมืองเทมเปได้ออกมาแถลงการณ์เพิ่มเติมในเวลาต่อมาว่า รถยนต์ไร้คนขับของ UBER คันนี้วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ได้มีท่าทีว่าจะชะลอความเร็วจนกระทั่งพุ่งชนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเข้าอย่างจัง พร้อมเปิดเผยเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ของ UBER ที่อยู่ในรถคือ นายราฟาเอล บาสเกซ วัย 44 ปี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติหรือวิกลจริตแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้เดินออกมาจากเงามืดในมุมถนน ตำรวจจึงมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในครั้งนี้ แม้ว่ารถยนต์จะวิ่งในโหมดปกติก็ตาม รวมถึงบอกอีกด้วยว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดของ UBER ฝ่ายเดียว
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้นำไปสู่การตั้งคำถามว่าโลกพร้อมรับมือกับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับหรือไม่ เพราะถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันกับระบบยานยนต์ไร้คนขับของ Tesla S เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 จนส่งผลให้คนขับเสียชีวิตมาแล้ว แม้ผลการสืบสวนจะสรุปว่าคนขับเองก็มีส่วนบกพร่องด้วย เพราะระบบในตัวรถได้ดังเตือนคนขับให้กลับมาบังคับพวงมาลัยรถแล้ว
ยังเร็วเกินไปที่จะปล่อยให้รถยนต์ไร้คนขับมาวิ่งบนท้องถนนร่วมกับมนุษย์จริงๆ และอุบัติเหตุครั้งนี้ก็น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ค่ายผู้พัฒนารถยนต์ไร้คนขับเจ้าอื่นๆ ทั้ง Waymo หรือ Tesla เพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบในการพัฒนาระบบมากกว่าเดิม
อ้างอิง:
- www.abc15.com/news/region-southeast-valley/tempe/tempe-police-investigating-self-driving-uber-car-involved-in-crash-overnight
- AFP
- www.bbc.com/news/business-43459156
- www.cnbc.com/2018/03/19/uber-self-driving-car-fatality-halts-testing-in-all-cities-report-says.html
- www.theverge.com/2018/3/19/17140936/uber-self-driving-crash-death-homeless-arizona
- money.cnn.com/2017/06/20/technology/tesla-autopilot-fatal-crash-warnings/index.html
- techcrunch.com/2018/03/19/tempe-police-chief-says-uber-preliminarily-would-likely-not-be-at-fault-for-fatal-crash/