วันนี้ (14 ธันวาคม) การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 หรือ AFF Suzuki Cup 2020 เป็นการดวลกันในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม A นัดที่ 3 ระหว่างทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย (อันดับ 118 ของโลก) พบทีมชาติฟิลิปปินส์ (อันดับ 126 ของโลก)
ในเกมนี้ มาโน โพลกิง กุนซือทีมชาติไทย ยังคงยึดผู้เล่นจากชุดถล่มเมียนมา 4-0 นัดก่อน ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงต่อเนื่องในเกมนี้ มีปรับเปลี่ยนเพียงรายเดียว คือการส่ง สุภโชค สารชาติ แทน ศุภชัย ใจเด็ด
ครึ่งแรกทีมชาติไทยยังคงครองบอลบุกได้มากกว่า กระทั่งนาทีที่ 26 ธีราทร บุญมาทัน พาบอลมาจากฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลางให้ ธีรศิลป์ แดงดา วิ่งเข้ามาชาร์จด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยม ช่วยทัพช้างศึกออกนำก่อน 1-0
จากนั้นทัพช้างศึกพยายามไล่ทำประตูหวังเบิกประตูเพิ่ม เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่พยายามฉวยโอกาสจากจังหวะสวนกลับ แต่ทำอะไรกันไม่ได้ และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลังทีมชาติไทยยังคงเริ่มต้นด้วยความคึกคัก แต่ในนาทีที่ 57 ทีมชาติฟิลิปปินส์ได้โยนบอลมาจากฟรีคิกกลางสนาม ทว่า มานูเอล ทอม เบียร์ห โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทาง แพทริค ไรเชลท์ ปีกตัวเก่งของฟิลิปปินส์ ได้ยิงซ้ำในกรอบเขตโทษเข้าประตูไป พาฟิลิปปินส์ตีเสมอ 1-1
จากนั้นทั้ง 2 ทีมพยายามเปิดหน้าแลกกันมากขึ้น กระทั่งนาทีที่ 76 ทีมชาติไทยเร่งเครื่องโหมบุกอย่างหนัก และมีลุ้นทำประตูในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ โดนกองหลังของฟิลิปปินส์เตะสกัดฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และเป็นธีรศิลป์รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ช่วยทีมออกนำอีกครั้งที่ 2-1
จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกมทีมชาติไทยเฉือนเอาชนะฟิลิปปินส์ไปได้ 2-1 คว้าเพิ่มอีก 3 แต้ม การันตีเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรกของรายการ หลังอยู่เป็นจ่าฝูงของกลุ่ม A หลังลงเล่น 3 นัด มี 9 คะแนนเต็ม
ทั้งนี้ 2 ประตูที่ดาวยิงทีมชาติไทยวัย 33 ปี ทำได้ในเกมนี้ นอกจากจะเป็นนำสู่ชัยชนะที่สำคัญ ยังส่งผลให้เจ้าตัวขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดในรายการนี้ที่ 19 ประตู เหนือ นอห์ อลัม ชาห์ ตำนานกองหน้าของทีมชาติสิงคโปร์ ที่เคยทำไว้ที่ 17 ประตู
โดยนัดต่อไปทีมชาติไทยมีคิวลงเล่นนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม พบกับทีมชาติสิงคโปร์ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคมนี้ เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD