บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองในไต้หวันพากันตื่นตระหนก หลังปรากฏกรณีครูหลายคนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองนิวไทเป (New Taipei) ถูกกล่าวหาว่าให้ยาแก้ไอชนิดที่ทำให้เสพติดได้แก่เด็กนักเรียน เพื่อช่วยทำให้เด็กสงบสติอารมณ์
โดยยาดังกล่าว รวมทั้งยาฟีโนบาร์บิทัล (Phenobarbital) และเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine) ที่จัดอยู่ในกลุ่มยาระงับประสาทและยาคลายกังวล
กรณีอื้อฉาวดังกล่าวปรากฏขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยพ่อแม่ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองนิวไทเป กล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าให้ยาที่ไม่รู้จักแก่บุตรหลานของตน หลังพบว่าบุตรหลานของพวกเขามีอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย และกรีดร้องขณะนอนหลับ
ผู้ปกครองเผยว่า หลังพูดคุยกับเด็กๆ จึงรู้ว่าครูของพวกเขาทำการป้อน ‘ยาที่ไม่รู้จัก’ ให้กับเด็กนักเรียน ส่งผลให้ผู้ปกครองพากันไปแจ้งความกับตำรวจ และเกิดการร้องเรียนกรณีนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนทางการท้องถิ่นต้องเริ่มดำเนินการสอบสวน และพบเด็กอย่างน้อย 8 คน มีปริมาณยาฟีโนบาร์บิทัลและเบนโซไดอะซีพีนอยู่ในร่างกาย
ขณะที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเรื่องนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบความชัดเจนว่าทำไมเด็กนักเรียนถึงได้รับยาแก้ไอที่ทำให้เสพติดดังกล่าว
เบื้องต้นทางการได้สั่งปิดโรงเรียนที่เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนถูกปรับเงินประมาณ 4,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.6 แสนบาท
ส่วนครูใหญ่และครู 5 คน ถูกตำรวจจับกุมและสอบปากคำ แต่หลังจากนั้นได้รับการประกันตัว โดยการสืบสวนคดีอาญากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 มิถุนายน) บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองและประชาชนไต้หวันหลายร้อยคน ยังได้ร่วมเดินขบวนประท้วงในเมืองนิวไทเป เพื่อแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนอย่างโปร่งใสมากขึ้น โดยหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าทางการไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ
ขณะเดียวกันยังมีรายงานจากหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น พบแพทย์ 4 คน ที่เมืองเกาสงทางตอนใต้ของไต้หวัน ได้กระทำความผิดฐานประพฤติมิชอบและให้ยาฟีโนบาร์บิทัลอย่างไม่เหมาะสมกับเด็กประมาณ 20 คน โดยพวกเขาถูกสั่งให้ระงับการปฏิบัติงานเป็นเวลา 6 เดือน และถูกปรับเป็นเงิน 4.6 หมื่นดอลลาร์
ภาพ: Carl Court / Getty Images
อ้างอิง: