วันนี้ (5 กันยายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เป็นพิเศษ วาระพิจารณาญัตติของพรรคภูมิใจไทยว่า จะเลื่อนระเบียบวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน หรือคงไว้ตามระเบียบวาระเดิม ในช่วงหนึ่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ลุกขึ้นอภิปราย
พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ศาล องค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ วันนี้เห็นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการทำข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน กรณีเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่บ่อนเซาะระบอบประชาธิปไตย และทำลายระบบพรรคการเมือง
พร้อมยกตัวอย่างว่า ในข้อตกลงซึ่งระบุไว้ว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน รวมทั้งต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และมีการลงชื่อ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และ อนุทิน ชาญวีรกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยข้อตกลงดังกล่าว เป็นข้อตกลงทางการเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงการบิดเบือนรัฐธรรมนูญ
“จริงอยู่ว่า แม้อนุทินจะมาด้วยระบบพรรคการเมือง แต่เมื่อมีข้อตกลงดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ที่ระบุว่า ห้ามบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพ ล้มล้างการปกครอง แม้จะไม่มีพฤติการณ์โดยตรง แต่ ถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย และตัดกระบวนการ การตั้งรัฐบาลโดยเสรี ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” พ.ต.อ.ทวีระบุ
พ.ต.อ. ทวียังกล่าวว่า เสนอให้ยื่นเรื่องข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากเป็นข้อตกลงมีเข้าข่ายมีความผิดถึงยุบพรรคการเมือง และย้ำด้วยว่า หลักประชาธิปไตยคำนึงถึงเสียงข้างมาก และตามรัฐธรรมนูญให้ สส. ไม่ถูกครอบงำใดๆ แต่เรื่องนี้ถือเป็นการครอบงำ เป็นการแลกผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
“ฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งอาจเป็นได้เป็นฝ่ายค้านเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เห็นหัวประชาชน ผมจึงเห็นว่า ควรเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีควรวินิจฉัยให้ถ่องแท้ เพราะเริ่มต้นก็ถือว่า ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียใจที่ผู้ทำลายคือพรรคที่ประกาศตัวว่ายึดมั่นในประชาธิปไตย” พ.ต.อ. ทวีกล่าว