เสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ไทย (Thai Automobile Tire Manufacturers Association: TATMA) ให้ข้อมูลว่า กำลังการผลิตยางในปี 2561 ของกลุ่มสมาชิกของสมาคมฯ มีถึง 193 ล้านเส้น คิดเป็นน้ำหนัก 2.3 ล้านตัน เป็นยางรถยนต์และยางรถบรรทุกคิดเป็น 72% ของยางทั้งหมดที่ผลิตได้ อีก 28% เป็นยางรถมอเตอร์ไซค์ โดย TATMA คาดว่ายอดการผลิตของทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้น 30% ภายใน 5 ปีนับจากนี้
สำหรับประเทศไทย มีผู้ประกอบการผลิตยางรถยนต์ทั้งหมด 17 ราย มีโรงงานผลิตถึง 32 แห่ง เกิดการจ้างงาน 4 หมื่นตำแหน่ง และคาดว่าจะมีการขอส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอจำนวน 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 8.54 แสนล้านบาทในระยะอันใกล้นี้ มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ของไทยคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยยางรถยนต์ที่ผลิตได้จะใช้งานในประเทศราว 20% ส่วนอีก 80% จะส่งออกไปทุกภูมิภาคทั่วโลก
นายกสมาคม TATMA กล่าวว่า ทางสมาคมฯ พยายามผลักดันเรื่องการสร้างมาตรฐานการผลิตยางรถยนต์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งข้อตกลงระหว่างกลุ่มสมาชิกเรื่องการค้าที่เป็นธรรม โดยสมาชิกของสมาคมฯ ทุกรายจะไม่นำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบที่ผิดกฎหมายมาใช้ในกระบวนการผลิต ไม่ใช้แรงงานเด็ก รวมทั้งปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม และยืนยันการใช้ยางที่ผลิตในประเทศไทย 100% หากแต่ยังมีอุปสรรคในการส่งออกยางรถยนต์ไปทำตลาดในต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการไทยจึงต้องส่งยางไปทดสอบ และรับรองจากต่างประเทศ มีต้นทุนด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการทดสอบ กระทบกับการแข่งขันในภาพรวม
โจทย์ที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย คือการยกระดับการผลิต และมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยผู้ประกอบการต้องปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อ รวมถึงกระบวนการทดสอบ ตรวจสอบความทนทานของยางล้อประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบความต้านทานการหมุนของยางล้อ เพื่อบ่งบอกระดับการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานของยางล้อ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างมาก
อีกประเด็นที่สำคัญคือ ขณะนี้ประเทศไทยและชาติอาเซียนต่างร่วมกันผลักดันเรื่อง ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ทางสมาคมฯ เรียกร้องให้ทางภาครัฐนำสินค้ายางรถยนต์พิจารณาร่วมกับห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบของยางพารา และนำเข้าสู่กระบวนการเจรจาพร้อมกับกลุ่มสินค้าหลักของประเทศ เนื่องจากยางรถยนต์ใช้ยางพาราเป็นองค์ประกอบสูงถึง 80% และเชื่อว่าหากยางรถยนต์อยู่ในกลุ่มสินค้าที่เข้าเกณฑ์ข้อตกลงของ RCEP จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และการขยายการผลิตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต จากประโยชน์ของการเปิดการค้าเสรีดังกล่าวด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- สมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ไทย