สมาชิกอาวุโสกลุ่มตาลีบันระบุ ผู้หญิงอัฟกันไม่ควรได้รับอนุญาตให้ทำงานร่วมกับผู้ชาย

วันนี้ (14 กันยายน) วาฮีดุลเลาะห์ ฮาชีมี สมาชิกอาวุโสกลุ่มตาลีบันระบุ ผู้หญิงอัฟกันไม่ควรได้รับอนุญาตให้ทำงานร่วมกับผู้ชาย ตามที่กฎหมายชารีอะห์กำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าทำงานได้ในหน่วยงานของรัฐ ธนาคาร บริษัทสื่อ และองค์กรอื่นๆ แม้จะได้รับเสียงทัดทานและแรงกดดันจากประชาคมโลกให้เปิดพื้นที่การทำงานให้กับผู้หญิงในอัฟกานิสถาน

นับตั้งแต่กองกำลังติดอาวุธตาลีบันยึดอำนาจและก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ ตาลีบันให้คำมั่นจะเคารพและอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าถึงการศึกษาและมีงานทำภายใต้ข้อจำกัดที่กฎหมายชารีอะห์กำหนดไว้ โดยเมื่อครั้งที่ตาลีบันเคยปกครองอัฟกานิสถาน เมื่อปี 1996-2001 ผู้หญิงอัฟกันถูกกีดกันจากโลกของการทำงานและการศึกษา การกลับเข้ามาบริหารประเทศในรอบเกือบ 20 ปี จึงสร้างความกังวลให้กับประเด็นต่างๆ เหล่านี้อย่างมาก

“เราต่อสู้มาเกือบ 40 ปี เพื่อที่จะนำกฎหมายชารีอะห์เข้ามาปกครองอัฟกานิสถาน ชารีอะห์ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงและผู้ชายอยู่รวมกัน หรือนั่งอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ผู้ชายและผู้หญิงจึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ สิ่งนี้ชัดเจน พวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เขามาทำงานในออฟฟิศเดียวกับเรา หรือเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี หรือทำงานในกระทรวงกับเราได้” ฮาชีมีระบุ

ส่งผลให้รัฐบาลตาลีบันชุดใหม่ที่เข้ามาปกครองประเทศจึงไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว ก่อให้เกิดกระแสความกังวลใจว่าผู้หญิงอัฟกันอาจถูกผลักให้ออกจากพื้นที่ของการทำงานกลับเข้าสู่พื้นที่ของที่พักอาศัยเท่านั้น โดยฮาชีมีระบุว่า ก็มีบางสถานการณ์ที่ผู้หญิงและผู้ชายสามารถอยู่รวมกันได้ อาทิ ตอนเข้าพบแพทย์ที่เป็นผู้ชาย

ทางการตาลีบันประกาศว่า ผู้หญิงอัฟกันยังจะได้รับอนุญาตให้ทำงานและเรียนหนังสือได้ แต่จะต้องเป็นพื้นที่ที่สร้างแยกขึ้นมาเพื่อรองรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ผู้หญิงยังจะได้รับอนุญาตให้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่จะต้องแยกตัวออกไปจากกลุ่มผู้ชาย การแบ่งแยกและจำกัดพื้นที่ของผู้หญิง ส่งผลให้ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยในอัฟกันประท้วงจุดยืนของกลุ่มตาลีบัน

จากข้อมูลของ World Bank ระบุว่า สัดส่วนผู้หญิงที่อยู่ในพื้นที่การทำงานในอัฟกานิสถานอยู่ที่ราว 23% เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นจาก 0% ในช่วงที่รัฐบาลตาลีบันเคยปกครองประเทศเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน

บทความที่เกี่ยวข้อง: