ก่อนอื่นเลย ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ทาคุมิ มินามิโนะ ยังไม่ใช่ผู้เล่นคนใหม่ของลิเวอร์พูลนะครับ!
เพียงแต่ตามทิศทางข่าว (ที่กลายเป็นกระแสข่าวใหญ่ในรอบวันที่ผ่านมา) แล้วไม่ว่าจะเป็นสื่อสำนักข่าวใหญ่ หรือตัวผู้สื่อข่าวระดับชั้นนำของโลกลูกหนังเอง ต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า นักเตะชาวญี่ปุ่นคนนี้ไม่น่าคลาดจากการได้ย้ายมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงตลาดการซื้อขายฤดูหนาวรอบที่กำลังจะถึงนี้
สิ่งที่เหลืออยู่คือ การเข้ารับการตรวจร่างกาย ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไร มินามิโนะก็จะได้ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในวันที่ 1 มกราคม 2020
ในข่าวการย้ายทีมนี้มีเรื่องขำๆ ชวนให้เหล่าเดอะ ค็อปได้อมยิ้มกันอยู่เรื่องหนึ่งครับ
เรื่องนี้ เดวิด แมดด็อก ผู้สื่อข่าวจาก Daily Mirror เป็นคนเล่า เรื่องมีอยู่ว่า ในเช้าวันพุธที่ผ่านมา (6 ธันวาคม) หลังจากที่ลิเวอร์พูลรอดจากการตกรอบแรก เมื่อสามารถบุกไปเอาชนะเรดบูล ซัลซ์บวร์ก ได้ถึงถิ่น ในเกมส่งท้ายของรอบแรก ในขณะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ กำลังเตรียมจะไปดูการฝึกซ้อมของทีม ก็มีลูกทีมหลายคนที่เข้ามาหาและพูดคุยด้วย
นักเตะที่ล้วนแต่เป็นผู้เล่นระดับอาวุโสในทีมต่างเดินมาบอกผู้จัดการทีมชาวเยอรมันในเรื่องคล้ายๆ กันโดยไม่ได้นัดหมายว่า อยากให้เขาลองดูนักเตะคนนี้หน่อย (ในความหมายถึงมินามิโนะ) เพราะเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับทีมอย่างมากในเกมที่ไปเยือนซัลซ์บวร์ก
โดย 2 คน ที่แวะมาสะกิดคล็อปป์คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ผู้นำในแนวรับของทีม ซึ่งเป็น 2 คน ที่ทำงานอย่างหนักในการประคองไม่ให้ลิเวอร์พูลต้องเสียท่าในวันนั้น ซึ่งนั่นเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาประเมินค่าของกองหน้าชาวญี่ปุ่นคนนี้เอาไว้สูงแค่ไหน
เพียงแต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลย และทำให้คล็อปป์ได้แอบฉีกยิ้มเบาๆ คนเดียวคือ ความลับที่ว่า มินามิโนะที่ว่านี้เตรียมจะย้ายเข้ามาเป็นนักเตะคนใหม่ของลิเวอร์พูลแล้ว!
ข่าวการเจรจาที่เกิดขึ้นนั้นถูกเปิดเผยออกมา เพราะพวกเขามั่นใจแล้วว่า การเจรจาทุกอย่างได้ลุล่วงมากพอที่จะออกข่าวได้บ้างโดยไม่ต้องกลัวปัญหาที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโก่งค่าตัวหรือการถูกคู่แข่งปาดหน้าเหมือนในอดีต เพราะความจริงแล้วยังมีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและอีกหลายทีมที่ให้ความสนใจ
อย่างไรก็ดี ในเบื้องหลังของการเจรจาแล้ว มีจุดสำคัญที่น่าทึ่ง และชวนให้หยิบมาพูดคุยกันในวันนี้อยู่ครับ
เรื่องแรกคือ ลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้เพิ่งให้ความสนใจในตัวของมินามิโนะจากเกมวันอังคารที่ผ่านมา และก็ไม่ใช่ว่าจะสนใจในเกมนัดแรกที่แอนฟิลด์ ซึ่งเพลย์เมกเกอร์ตัวจี๊ดรายนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ซัลซ์บวร์กอาละวาด จากตามหลัง 0-3 กลับมาไล่ตีเสมอ 3-3 ได้อย่างสุดมัน (ก่อนที่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ จะยิงให้ลิเวอร์พูลนำอีกครั้ง 4-3 และเป็นประตูชัยของเกม)
เพราะในความจริง ลิเวอร์พูลติดตามตัวของมินามิโนะมาตั้งแต่เมื่อปี 2013 หรือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ยังเล่นให้กับเซเรโซ โอซาก้าในเจลีก ก่อนหน้าที่เขาจะย้ายมาซัลซ์บวร์กด้วยซ้ำ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งครับ และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงการนำเรื่อง Big Data เข้ามาช่วยในการบริหารสโมสรฟุตบอล โดยเฉพาะในสายของการจัดหาผู้เล่น ที่โลกฟุตบอลยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงจากในอดีตมาก
คนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในเรื่องนี้คือ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ผู้อำนวยการด้านกีฬาของลิเวอร์พูล ซึ่งตำแหน่งเดิมที่เขาได้รับตอนย้ายมาอยู่ในแอนฟิลด์คือ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์ ซึ่งงานหลักๆ นอกจากเรื่องของการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิเคราะห์ทีม วิเคราะห์คู่แข่งแล้วคือ การวิเคราะห์ตัวนักฟุตบอล และเรื่อยไปจนถึงการวิเคราะห์ผู้จัดการทีม
จริงอยู่ครับที่โลกลูกหนังปัจจุบันเรื่องข้อมูลหากันง่าย หากเป็นสมาชิกของระบบเครือข่ายแมวมอง ซึ่งแม้จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล (ปีละหลายล้านบาท) แต่ก็สะดวก เพราะกดไม่กี่คลิกก็เลือกดูข้อมูลผู้เล่นที่อยากดูได้หมด แต่ในการทำงานจริง สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้คือ การมีฐานข้อมูลของตัวเองที่จะนำมาปรับใช้กับสโมสรได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ลองคิดภาพตามนะครับว่า สมมติคุณเป็นผู้จัดการทีมไหนสักทีม เห็นฟอร์มของนักเตะคนหนึ่งแล้วสนใจขึ้นมา ก็รีบยกหูหาหัวหน้าแมวมองของสโมสร เพื่อแจ้งว่า คุณสนใจนักเตะคนนี้ จากนั้นก็ต้องรอให้ทีมงานส่งแมวมองในพื้นที่ไปติดตามฟอร์ม รอรับรายงานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งการส่งแมวมองไปก็ไม่ใช่ว่าดูครั้งเดียวจะรู้เรื่องด้วย
กับอีกกรณีที่หากสนใจนักเตะคนนี้ สอบถามปุ๊บแล้วปรากฏว่า สโมสรมีฐานข้อมูลของนักเตะคนนี้อยู่แล้ว แค่พิมพ์ชื่อแล้วกด Enter ก็เห็นว่าเล่นเป็นอย่างไร ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการอย่างไร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ทักษะดีไหม มีโอกาสเล่นเข้ากับระบบของทีมไหม ไปจนถึงมีโอกาสที่จะทำเงินให้กับสโมสรจากการตลาดหรือเปล่า
ข้อมูลพวกนี้จะมีส่วนช่วยคนตัดสินใจสุดท้ายอย่างผู้จัดการทีมมากครับ การตัดสินใจจะทำได้ไวขึ้นและแน่นอนว่าแม่นยำขึ้นด้วย
สิ่งที่น่าคิดคือ งานพวกนี้หนักครับ ไม่ว่าจะเป็นคนเก็บข้อมูลหรือคนวิเคราะห์ข้อมูล แต่หากถูกนำมาใช้อย่างถูกต้องและได้ผลแล้วมันคุ้มค่าอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสโมสรฟุตบอลที่ทำได้นะครับ ทุกคน ทุกหน่วยงานเองก็ทำเรื่องพวกนี้ได้เหมือนกัน
ผมเชื่อว่า คนจำนวนมากรู้ แต่จะมีสักกี่คนที่ให้ความสำคัญกับมันจริงๆ
แอบนึกถึงการเซ็นสัญญานักเตะของสโมสรในบ้านเราเหมือนกัน เขาจะทำเหมือนกันไหมนะ? (คิดว่าอย่างไรครับ)
อย่างไรก็ดี แค่ข้อมูลเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่พอครับ เรื่องต่อมาที่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ลิเวอร์พูลได้ตัวมินามิโนะก่อนทุกทีมคือ เรื่องของ ‘ความสัมพันธ์’
จะเรียกว่า ‘คอนเน็กชัน’ ก็ได้อยู่ครับ แต่ในกรณีของมินามิโนะกับลิเวอร์พูลผมคิดว่ามันลึกซึ้งกว่านั้น
ตลอดช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือมากกว่านั้น ลิเวอร์พูลได้เปิดการเจรจากับซัลซ์บวร์กมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหารของ 2 สโมสร คือ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด และ คริสตอฟ ฟรอยนด์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ได้พูดคุยกันอย่างต่อเนื่องจริงจัง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากกว่าคือ ความจริงใจ และ การให้เกียรติ
ปัญหาใหญ่ในโลกลูกหนังปัจจุบันคือ การที่หลายสโมสรใช้เล่ห์เหลี่ยมในการชิงไหวชิงพริบ เพื่อความได้เปรียบกันมากจนเกินไป เหมือนที่เราได้เห็นในหลายๆ กรณีครับ ที่การเจรจาย้ายทีมเต็มไปด้วยปัญหา และบ่อยครั้งที่มันจบไม่สวยเท่าไร เพราะสโมสรไม่เลือกที่จะเจรจากันอย่างจริงใจ ชอบหักด้ามพร้าด้วยเข่า
อาจจะดีลกันได้จบครั้งหนึ่ง แต่อย่าได้หวังถึงครั้งต่อไป
สำหรับกรณีของมินามิโนะ ลิเวอร์พูลเลือกที่จะเจรจาอย่างตรงไปตรงมา พูดคุยกันด้วยความเข้าใจในบรรยากาศที่เป็นมิตร ซึ่งทำให้ซัลซ์บวร์กไม่ได้ขัดข้องอะไรในการจะปล่อยนักเตะให้ย้ายออกจากทีม
ทีเด็ดอยู่ที่ซัลซ์บวร์กเปิดเผย ‘เงื่อนไขลับ’ ในการย้ายทีมของมินามิโนะให้ลิเวอร์พูลได้ทราบด้วยว่า นักเตะชาวญี่ปุ่นคนนี้สามารถย้ายออกได้ด้วยสนนราคาเพียงแค่ 7.25 ล้านปอนด์เท่านั้น ทั้งๆ ที่ฝ่ายลิเวอร์พูลเองประเมินราคาผู้เล่นเอาไว้สูงกว่านั้นถึง 3 เท่า หรือราว 25 ล้านปอนด์
เรื่องนี้ไม่มีสโมสรอื่นรู้ครับ มีเพียงลิเวอร์พูลที่รู้
โดยในรายละเอียดลึกๆ แล้ว ยังมีเรื่องที่ทั้งลิเวอร์พูลและซัลซ์บวร์กเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาสักพัก โดยเฉพาะตั้งแต่เรื่องการย้ายทีมของ นาบี เกอิตา กองกลางที่เคยขัดเกลาตัวเองในลีกออสเตรีย ก่อนจะย้ายไปทีมพี่อย่างแอร์เบ ไลป์ซิกในบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งเป็นการเจรจาที่ดี การย้ายทีมเกิดขึ้นโดยความยินดี ไม่มีการหักหาญน้ำใจซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่ลิเวอร์พูลเองก็ชื่นชมระบบการปั้นผู้เล่นของซัลซ์บวร์กที่ผลิตนักฟุตบอลชั้นยอดขึ้นมามากมาย (นอกจากเกตาแล้ว ซาดิโอ มาเน สตาร์เอกของหงส์แดง ก็เคยเป็นผู้เล่นของซัลซ์บวร์ก) ผ่านการคัดสรรผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมจากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงมินามิโนะ ที่พวกเขาติดตามเช็กฟอร์มเป็นเวลากว่า 6 เดือน ทั้งๆ ที่เล่นอยู่ในเจลีก ก่อนจะดึงตัวมาขัดเกลาเจียระไนจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามของทีม
ศูนย์ฝึกแห่งใหม่มูลค่า 50 ล้านปอนด์ของลิเวอร์พูล ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากศูนย์ฝึกของซัลซ์บวร์กเช่นกัน
เช่นนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อมีข่าวออกมาแล้ว ทางซัลซ์บวร์ก นอกจากจะไม่ปฏิเสธ ยังบอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่สโมสรอย่างลิเวอร์พูลให้ความสนใจนักเตะของพวกเขา
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาคือ รายละเอียดที่ถูกซ่อนใต้ข่าวการย้ายทีม ที่ไม่เพียงแต่จะน่าตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งในรอบปีนี้
ส่วนตัวผมคิดว่า มันเป็นการเจรจาที่น่าทึ่งครับ และน่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับหลายๆ สโมสร รวมถึงยังน่าจะนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้ด้วยเช่นกันครับ
ว่าแต่ย้ำอีกทีปิดท้าย…มินามิโนะยังไม่ใช่นักเตะของลิเวอร์พูลนะครับ แต่ใกล้เคียงมากแล้ว 🙂
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
- เมื่อครั้งเล่นเป็นดาวรุ่งให้กับเซเรโซ โอซาก้า คู่หูในแดนหน้าของมินามิโนะ (หรือจะเรียกว่าเป็นอาจารย์ดี?) คือ ดิเอโก ฟอร์ลัน อดีตหัวหอกมหากาฬชาวอุรุกวัย
- ปัจจุบันมินามิโนะอายุ 24 ปีเท่านั้น ซึ่งหากย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลจริง เขาจะเป็นนักฟุตบอลญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
- มินามิโนะเป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวต่ำ, เพลย์เมกเกอร์, ปีกสองฟากสนาม หรือกองกลาง นอกจากนี้ยังมีสไตล์การเล่นที่ฉลาด รวดเร็ว ทุ่มเท เฉียบคม ชำนาญในการเล่นเพรสซิ่ง จึงถูกมองว่า มีความเหมาะสมกับการเป็นผู้เล่นในทีมของคล็อปป์
- แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทัศนคติ มินามิโนะเป็นนักเตะที่เป็นตัวแทนคำขวัญของเรดบูล ซัลซ์บวร์ก คือ ‘Talent bringt dich an den start. Einstellung ans ziel’ หรือแปลเป็นไทยว่า ‘พรสวรรค์จะนำคุณไปสู่จุดเริ่มต้น แต่ทัศนคติจะพาคุณไปถึงเส้นชัย’
- สมัยย้ายมาเล่นในออสเตรียใหม่ๆ มินามิโนะเป็นโรคคิดถึงบ้าน แต่เก็บความรู้สึกไว้ได้ และทุ่มเทกับการทำผลงานในสนาม
- ในการเล่นให้ซัลซ์บวร์กเกือบ 200 นัด เขาทำไป 64 ประตู กับ 44 แอสซิสต์ โดย 18 ประตูในนั้น เป็นการทำในเกมสโมสรยุโรป โดยที่แทบไม่เคยเจ็บเลย เคยพักยาวแค่ 10 เกม ในปี 2017 จากอาการบาดเจ็บเส้นเอ็นหัวเข่าด้านใน
- มินามิโนะจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการเจาะตลาดประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในตลาดสำคัญที่ลิเวอร์พูลให้ความสนใจ เพราะเริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นในหลายปีหลัง และตัวของมินามิโนะก็เป็นคีย์แมนของทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบันด้วย
- ว่ากันว่า ลิเวอร์พูลทำรายได้จาก YouTube ได้มากพอที่จะจ่ายค่าตัว 7.25 ล้านปอนด์ของมินามิโนะได้แบบสบายๆ…