ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ของไต้หวัน กล่าวในวันนี้ (20 พฤษภาคม) ว่า ไต้หวันจะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันตามสถานะเดิมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ (Status Quo) ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับจีน ซึ่งขณะนี้ได้เพิ่มแรงกดดันทางทหารต่อไต้หวันมากขึ้นกว่าเดิม
ในการปราศรัยของไช่อิงเหวินในวาระครบรอบ 7 ปีที่เธอได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำของไต้หวัน ระบุว่า ไต้หวันจะไม่ยั่วยุ แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับแรงกดดันจากจีน
อย่างที่ทราบกันดีว่าจีนได้ยึดหลักการจีนเดียว (One China Principle) โดยยืนยันว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของประเทศที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ และจะมีการรวมชาติกันในอนาคต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจีนได้ส่งสัญญาณว่าทางการพร้อมที่จะใช้กำลังทางทหารเข้ายึดเกาะแห่งนี้หากจำเป็น โดยมีการยกระดับปฏิบัติการทางทหารและแนวทางการทูตที่บีบให้ไต้หวันยอมรับอำนาจอธิปไตยของจีน นับตั้งแต่ไช่อิงเหวินเข้ารับตำแหน่งในปี 2016
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาจีนยังปฏิเสธที่จะเจรจากับไช่อิงเหวินตามคำขอของเธอ เนื่องจากมองว่าไช่อิงเหวินเป็นผู้นำที่ต้องการแบ่งแยกไต้หวันจากจีน ขณะที่ไช่อิงเหวินเองก็ย้ำอยู่ตลอดว่าเธอพร้อมที่จะปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของไต้หวัน
“สงครามไม่ใช่ทางเลือก ทั้งสองฝ่าย (จีนและไต้หวัน) ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่เพียงฝ่ายเดียวด้วยวิธีการที่ไม่สันติ” ไช่อิงเหวินกล่าว “การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพตามสถานะที่เป็นอยู่ถือเป็นฉันทามติจากทั้งประชาคมโลกและตัวไต้หวันเอง”
“แม้ไต้หวันจะถูกห้อมล้อมไปด้วยความเสี่ยงหลายประการ แต่เราไม่ใช่ผู้ที่สร้างความเสี่ยงเหล่านั้น เราเป็นผู้ที่จัดการความเสี่ยงอย่างมีความรับผิดชอบ และไต้หวันจะยืนหยัดร่วมกับประเทศประชาธิปไตยและชุมชนต่างๆ ทั่วโลกเพื่อร่วมกันขจัดความเสี่ยงดังกล่าว” ไช่อิงเหวินกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ชาติสมาชิก G7 ได้เปิดการประชุมร่วมกันที่จังหวัดฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น โดยวานนี้ (19 พฤษภาคม) นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า ชาติสมาชิก G7 เห็นพ้องที่จะแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับไต้หวันด้วยสันติวิธี
แฟ้มภาพ: Chris McGrath / Getty Images
อ้างอิง:
