ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวสุนทรพจน์ในวันชาติ ที่บริเวณหน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป โดยกล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเธอชี้ว่า สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ใช่ตัวเลือกอย่างแน่นอน ขณะที่เน้นย้ำถึงความเต็มใจที่จะพูดคุยกับรัฐบาลปักกิ่ง แต่ยืนยันว่าไต้หวันจะเพิ่มการป้องกันดินแดน ซึ่งรวมถึงการใช้ขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง
โดยไช่เผยว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่จีนได้ขยายการข่มขู่และคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ขณะที่กล่าวอย่างหนักแน่นว่า จีนไม่ควรคิดว่าจะมีหนทางสำหรับการประนีประนอมกับความมุ่งมั่นของประชาชนไต้หวันที่มีต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพ
“ฉันต้องการชี้แจงให้ชัดเจนกับทางการปักกิ่งว่า การเผชิญหน้าด้วยอาวุธไม่ใช่ทางเลือกสำหรับเราทั้งสองฝ่ายโดยเด็ดขาด การเคารพในความมุ่งมั่นของชาวไต้หวันที่มีต่ออธิปไตย ประชาธิปไตย และเสรีภาพของเราเท่านั้น ที่จะสามารถเป็นรากฐานสำหรับการกลับมามีปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ข้ามช่องแคบไต้หวัน” ไช่กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อความเห็นของผู้นำไต้หวัน ซึ่งการแสดงจุดยืนของไช่มีขึ้นก่อนที่จีนจะจัดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าสีจิ้นผิงจะได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 3
อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรยากาศในวันชาติไต้หวัน ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม หรือที่ชาวไต้หวันเรียกกันว่า วันสิบคู่ (Double Ten) นั้นมีการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก โดยปีนี้ถือเป็นวันที่มีความพิเศษ เนื่องจากสถานการณ์ระหว่างไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ที่ตึงเครียดกว่าที่ผ่านมา
ขณะที่วันชาติไต้หวันนั้นมีความแปลกที่หลายคนอาจสงสัย เนื่องจากเป็นวันที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไต้หวันในปัจจุบัน แต่เป็นวันรำลึกเหตุการณ์ก่อการกำเริบอู่ชาง (Wuchang Uprising) หรือการลุกฮือของประชาชนในเขตอู่ชาง มณฑลหูเป่ย์ เมื่อปี 1911 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อล้มล้างราชวงศ์ชิง และเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งนำไปสู่การสละราชสมบัติของจักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง และสิ้นสุดการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีนที่มียาวนานกว่า 5,000 ปี ก่อนที่จะมีการสถาปนาสาธารณรัฐจีน (Republic of China) และกลายมาเป็นไต้หวันในปัจจุบัน
ภาพ: Sam Yeh / AFP
อ้างอิง: