ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงของไต้หวัน ลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคเดโมแครติก โปรเกรสซีฟ (Democratic Progressive Party : DPP) ในภายหลังพรรคของเธอพ่ายแพ้ให้แก่พรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang : KMT) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จัดขึ้นวันนี้ (26 พฤศจิกายน)
การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เป็นการเลือกนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเขต สมาชิกสภาเมือง ผู้บริหารเมืองและหัวหน้าหมู่บ้าน ภายใน 6 เขตเทศบาล และ 16 เมืองทั่วไต้หวัน โดยพรรคก๊กมินตั๋ง คว้าที่นั่งนายกเทศมนตรีเมืองและหัวหน้าเทศมณฑล 13 แห่งจาก 21 แห่ง รวมถึงกรุงไทเป ส่วน DPP ได้ไป 5 ที่นั่ง
ก่อนหน้านี้ ไช่ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้ผลเลือกตั้งที่ออกมา เป็นการส่งข้อความที่แสดงถึงการไม่ก้มหัวให้จีน ซึ่งความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความล้มเหลวของเธอในการชนะเสียงสนับสนุนจากประชาชน
“ผลเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้ เรายอมรับผลที่ออกมาอย่างนอบน้อมและยอมรับการตัดสินใจของประชาชนไต้หวัน” ไช่กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในที่ทำการพรรคขณะที่เธอลาออก
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งท้องถิ่นของไต้หวันนั้น มุ่งเน้นที่ประเด็นภายใน เช่นปัญหาอาชญากรรมในท้องถิ่นและการระบาดของโควิด ซึ่งผลเลือกตั้งที่ออกมา ไม่ได้สะท้อนโดยตรงถึงนโยบายเกี่ยวกับจีน และไม่สามารถบ่งชี้ถึงทิศทางของการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาไต้หวันที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2024
ขณะที่ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ไม่เกินความคาดหมาย และคล้ายกับผลเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2018 ที่พรรค DPP พ่ายการเลือกตั้ง ซึ่งในครั้งนั้นไช่ก็ลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคเช่นกัน ก่อนที่จะกลับมาชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ในที่สุด
“ไม่ใช่ว่าพรรค DPP ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน เราไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เราล้ม แต่เราจะลุกขึ้นสู้ใหม่” ไช่ กล่าว
ภาพ : SAM YEH / AFP
อ้างอิง: