×

SYNNEX มั่นใจปิดรายได้ปี 68 แตะ 4.6 หมื่นล้าน รับแรงหนุน iPhone 17 ดันยอดขายพุ่งอีก 30%

13.09.2025
  • LOADING...
SYNNEX

“สถานการณ์ของตลาดสินค้าไอทียังสดใส แม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่การเข้ามาของ AI ที่วันนี้ได้กลายเป็นผู้ช่วยตัวจริงของพนักงานออฟฟิศไปแล้ว” สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม กล่าวในงาน ‘SYNNEX PARTNER CONNECT 2025’ ซึ่งเป็นอีเวนต์ที่ SYNNEX จัดขึ้นทุกปี

 

สุธิดา ฉายภาพต่อไปว่า ในมุมมองธุรกิจ พบว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่ AI ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อเสริมการทำงาน แต่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มดิจิทัล ไปจนถึงสมาร์ทดีไวซ์ เช่น AI Phone ที่กลายเป็นอวัยวะสำคัญของชีวิตการทำงานไปแล้ว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

เทรนด์ล่าสุดยังชี้ให้เห็นถึงการเข้าสู่ยุคของ Agentic AI ที่สามารถทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการทำงาน แต่ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างโมเดลใหม่ ๆ ทั้งด้านบริการลูกค้า การตลาด และการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสมหาศาลที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม

 

จากความเคลื่อนไหวข้างต้น ทำให้กลยุทธ์ของ Synnex ต่อจากนี้จะไม่ได้แค่ขายอุปกรณ์ไอที แต่พร้อมจะนำเสนอโซลูชันและฟังก์ชันครบวงจรเพื่อตอบโจทย์พันธมิตรทางธุรกิจ โดยปี 2568 ได้ทุ่มงบรวม 100 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนครอบคลุมตั้งแต่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมพัฒนาพื้นที่ขึ้นมานำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่หลากหลาย ควบคู่กับเพิ่มขีดความสามารถด้านคลังสินค้า ไปจนถึงการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมศักยภาพการขาย

 

ผู้บริหาร Synnex ย้ำว่า แม้ในยุคนี้การเข้าถึงข้อมูลด้วย AI จะทำได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ การสร้างความไว้วางใจ จึงทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดตัว AI TRUST1 เข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอ โดย AI จะเข้าไปอยู่ในทุกกลุ่มสินค้า ตั้งแต่ คอมพิวเตอร์, สมาร์ตโฟน, เกมมิ่ง, อุปกรณ์อัจฉริยะ, ซอฟต์แวร์โซลูชัน, จนถึงระบบไอทีสำหรับองค์กร พร้อมบริการหลังการขายทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ทั้งหมดจะทำให้บริษัททำรายได้ในปี 2568 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 4.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี ทำรายได้กว่า 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตทุก 6 กลุ่มสินค้า โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตสูงสุดคือกลุ่มคอมมูนิเคชัน

 

ซึ่งประเมินว่าหลังจากจะมีการเปิดให้จอง iPhone17 ผ่านเครือข่ายพาร์ตเนอร์ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กันยายนนี้ ก็จะยิ่งผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เพราะยังไงวันนี้กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นสาวก iPhone ก็ยังต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ และส่วนใหญ่คนไทยจะนิยมซื้อรุ่นที่แพงสุด อย่างรุ่น Pro Max

 

ในส่วนของปัจจัยด้านภาษี บริษัทฯ ยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากดำเนินธุรกิจในรูปแบบบริษัทนำเข้าโดยตรง ขณะเดียวกันสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในปัจจุบันกลับช่วยให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้ายังคงทรงตัว

 

สุดท้ายแล้ว สุธิดา ยังแสดงความเห็นต่อการเมืองไทย โดยระบุว่า รัฐบาลชุดใหม่มีระยะเวลาในการทำงานเพียงแค่ 4 เดือน จึงขอไม่ให้ความเห็นเชิงลึก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมานโยบายภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว แต่หากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น จะถือเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจ เพราะนโยบายที่ชัดเจนและต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและสร้างบรรยากาศให้การจับจ่ายคึกคักขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising