ประชาชนหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนถนนในนครซิดนีย์เมื่อวานนี้ (11 ธันวาคม) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียลงมือแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง หลังเกิดวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย จนทำให้ควันพิษปกคลุมทั่วเมืองในระดับที่เป็นอันตราย
ผู้ประท้วงจำนวนมากสวมหน้ากากออกมาชุมนุม หลังเกิดวิกฤตมลพิษในอากาศอย่างรุนแรงจนบดบังทัศนวิสัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกประกาศเตือนควันพิษ ขณะที่ผู้ประท้วงมองว่าภาครัฐไม่มีมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพ
แกนนำจัดการประท้วงระบุว่า มีผู้เข้าร่วมชุมนุมบริเวณด้านนอกศาลากลางเมืองซิดนีย์ประมาณ 20,000 คน บางส่วนถือป้ายพร้อมข้อความประท้วง ขณะเดียวกันก็มีการโพสต์ข้อความในเพจ Facebook เพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาภัยแล้ง ไฟป่า และวิกฤตด้านสาธารณสุขที่มีความรุนแรงมากกว่าในอดีต
หนึ่งในผู้ประท้วงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า พวกเขามาชุมนุมกันเพราะเป็นห่วงอนาคตของบุตรหลาน และต้องการส่งสารถึงบรรดาผู้นำในออสเตรเลียว่า ประชาชนจะลุกขึ้นยืนเพื่อบอกว่าเราอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียได้ออกมากล่าวปกป้องนโยบาย พร้อมชี้ให้เห็นว่าปัญหาโลกร้อนไม่ใช่ต้นเหตุของไฟป่าครั้งรุนแรงเพียงอย่างเดียว
“ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง ไม่มีข้อสงสัย แต่สิ่งสำคัญก็คือไฟป่าในพื้นที่ส่วนใหญ่มีต้นเหตุจาก ‘Little Lucifers’ (คนลอบวางเพลิง) ด้วย” ไมเคิล แมกคอร์แม็ก รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวกับ ABC
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: