‘เอสวีไอ’ รุกแท่นชาร์จ EV ใต้แบรนด์ตัวเอง รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในไทยโตแรง

บมจ.เอสวีไอ หรือ SVI ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม เดินหน้าสร้างการเติบโตสู่เป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท ชูฐานการผลิตในไทยและกัมพูชา รับดีมานด์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์โลกพุ่ง ประกาศรุกผลิตแท่นชาร์จรถ EV ภายใต้แบรนด์ตัวเอง รับกระแสรถยนต์ EV ในไทยมาแรง หนุนอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ตั้งเป้ายอดขายปีละ 1.5 พันล้านบาท

สมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีไอ หรือ SVI ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป ให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer: OEM) เปิดเผยว่า บริษัทนำศักยภาพที่ตั้งฐานการผลิตที่กระจายอยู่ในยุทธศาสตร์สำคัญด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งประเทศไทย กัมพูชา สโลวาเกีย ออสเตรีย และฮังการี ที่มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันทั้งเทคโนโลยีการผลิตและระบบอัตโนมัติ รวมถึงต้นทุนการผลิต ตอบสนองคำสั่งซื้อในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคมไร้สาย อุตสาหกรรมยานยนต์ EV ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ของโลกและรับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ ประเทศไทยและกัมพูชา ถือเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของ SVI ช่วยผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานปีนี้ไปสู่เป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท บริษัทได้วิจัยพัฒนาและทำตลาดผลิตภัณฑ์แท่นชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ตนเอง หลังภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและมีผู้ประกอบการชั้นนำของโลกได้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งผลให้ยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการใช้แท่นชาร์จที่คาดว่าจะสูงถึง 30 ล้านแท่งภายใน 10 ปีข้างหน้า

“เดิมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของ SVI เป็นรูปแบบ OEM แต่เรามองเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จึงพัฒนาแท่นชาร์จรถ EV ภายใต้แบรนด์ของตัวเองเพื่อเข้าทำตลาด โดยจะเริ่มส่งมอบสินค้าให้แก่คู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยในไตรมาส 2 ของปีนี้ ทาง SVI ได้ตั้งเป้าสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปีละ 1.5 พันล้านบาท และจะช่วยพัฒนาอัตราการทำกำไรโดยรวมของทั้งบริษัทฯ ดีขึ้น” สมชายกล่าว

กรรมการผู้จัดการ SVI กล่าวว่า ขณะที่ฐานการผลิตในกัมพูชา บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายการผลิต 3 เท่า หรือจาก 10,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 35,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตในปีนี้โดยฐานการผลิตดังกล่าวจะทำให้ SVI รองรับความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน เนื่องจากความกังวลประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงฐานการผลิตดังกล่าวยังได้ประโยชน์ทางด้านสิทธิทางภาษีเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: