จากกรณีที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ที่มีพระผู้ใหญ่ 5 รูป ซึ่งถูก พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร้องทุกข์กล่าวโทษไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาไต่สวนแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าตนได้หารือกับ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นผลจากการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตการใช้งบประมาณของรัฐที่แบ่งเป็น 3 เรื่อง ได้แก่ เงินอุดหนุนเพื่อการปฏิสังขรณ์วัด, เงินอุดหนุนด้านการศึกษา และเงินอุดหนุนเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จนกระทั่งในช่วงต้นเดือนเมษายน บก.ปปป. พบข้อมูลว่ามีข้าราชการระดับสูงระดับอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ข้าราชการอีกหลายคน รวมถึงวัด เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนดังกล่าว จึงส่งหนังสือกลับไปยัง พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา
นายสุวพันธุ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ บก.ปปป. เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันกับข้าราชการ รวมถึงบุคคลภายนอก เอกชน และบุคคลทั่วไป จึงส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช. ดังนั้นขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนสอบสวนของ ป.ป.ช. ซึ่งพลเอก ฉัตรชัย และตนเห็นตรงกันว่าในส่วนที่เกี่ยวกับข้าราชการจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ โดยยึดกฎหมายและระเบียบของราชการนอกเหนือจากการสอบสวนของ ป.ป.ช.
นอกจากนี้ ส่วนที่เกี่ยวกับพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมนั้นควรแยกออกจากกันระหว่างกระบวนการยุติธรรมและงานของคณะสงฆ์ ส่วนจะเชิญพระผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากมหาเถรสมาคมหรือไม่นั้นมองว่าไม่ใช่เรื่องของทางโลก แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการทำนุบำรุงศาสนา โดยรัฐบาลก็ต้องทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองต่อไป
เมื่อถามว่าหากมีพระผู้ใหญ่กระทำความผิดจริงจะไม่มีการละเว้นหรือไม่นั้น นายสุวพันธ์ุตอบว่าตนไม่สามารถตอบได้ ตอบได้เพียงว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พันตำรวจโท พงศ์พร ประสานขอเลื่อนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ส่วนที่เหลือ เนื่องจากติดภารกิจด่วน จึงไม่สามารถที่จะเดินทางมาได้ โดยไม่ได้กำหนดว่าจะมาเข้าให้ปากคำอีกครั้งเมื่อไร