วันนี้ (4 กรกฎาคม) สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง โรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อสนับสนุนเครื่องบิน F-16 พร้อมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่า เขามาเสนอขายธรรมดา อยากให้เราช่วยพิจารณา โดยเขาได้เสนอเงินกู้จนจบโครงการ ไม่ต้องทยอยซื้อ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านซ่อมบำรุงที่กองทัพอากาศไทยมีความต้องการ ซึ่งจัดซื้อได้ 2 วิธี คือผ่อนชำระโดยใช้งบประมาณ และถ้าไม่ใช้งบประมาณก็ใช้วิธีกู้เงิน แต่วิธีหลังส่วนใหญ่ใช้ในการลงทุน และมีการคืนกำไร โดยในการจัดซื้อเครื่องบินยังไม่เคยใช้วิธีนี้ ต้องศึกษาดู
เมื่อถามว่ากองทัพอากาศ (ทอ.) ต้องการระบบ Data Link F-16 สุทินกล่าวว่า ก็คุยกันอยู่ ซึ่งทางสหรัฐฯ บอกว่าเชื่อมได้ และเขาก็เสนอเรื่องนี้เช่นกัน เขายืนยันว่าระบบลิงก์ของเขาสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องบินรบที่ ทอ. มีอยู่ได้ โดยเขาโฆษณาว่ามีความทันสมัย มีสมรรถนะเมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่น รวมทั้งของเขาดีกว่าและเหมาะที่สุดในยุคนี้
ส่วนการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรนั้นเขาไม่ได้พูด แต่หากจะซื้อเครื่องบิน F-16 จริง ทางไทยก็จะขอคุยเรื่อง Barter Trade ซึ่งก็ยอมรับว่าไม่ง่าย
เมื่อถามว่าหากเป็นเครื่องบิน F-16 ส่งผลให้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นจากงบที่ตั้งไว้ หรือสิ่งที่ได้รับอาจจะน้อยลงเมื่อเทียบกับของชาติอื่น สุทินยอมรับว่าเครื่องอาจจะน้อยลง แต่ก็ยังอยู่ในกรอบงบประมาณเดิม หากเพียงพอก็ 4 เครื่อง ถ้าไม่เพียงพอก็ลดลง แต่จะไม่เพิ่มงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยกับทูตสหรัฐฯ ยังไม่ได้พูดถึงราคาว่าจะมีการลดราคาเครื่องบิน F-16 หรือไม่ แต่เขาเสนอว่าหากอยากได้เป็นฝูงไม่ต้องผ่อนซื้อครั้งละ 4-5 เครื่อง เขาสามารถให้กู้ได้
เมื่อถามว่าแต่ไทยต้องเสียดอกเบี้ยให้สหรัฐฯ เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก สุทินยอมรับว่า ก็เอาเรื่องอยู่ แต่ยอมรับว่าทุกชาติก็เสนอเงินกู้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสุดท้ายแล้วจะให้ความสำคัญในด้านใด ระหว่างความพร้อมรบ การถ่วงดุลอำนาจ และสิ่งที่ประเทศจะได้รับในเรื่องของเศรษฐกิจ สุทินกล่าวว่า ทั้ง 3 เรื่อง ต้องคิดไปพร้อมๆ กัน แต่เรื่องใหญ่สำหรับ ทอ. ไทยคือการเตรียมความพร้อมรบและกำลังรบ เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน เพราะปัจจุบันสิ่งแวดล้อมด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพื่อนบ้านเขามีการสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อแสดงแสนยานุภาพ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วการจะเคาะเลือกแบบเครื่องบินรบก็ต้องให้สิทธิ์ ทอ. เต็มที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีอำนาจตัดสินใจทั้งหมด เพราะหากเป็นเรื่องงบประมาณก็ต้องฟังรัฐบาล รวมถึงการมองไปในอนาคตด้วย