วันนี้ (20 กันยายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งพรรครวมพลัง กล่าวถึงการนัดฟังการตัดสินคดีฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพัก 396 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักแฟลตตำรวจ โดยสุเทพได้เปิดใจก่อนจะเข้าไปรับฟังการตัดสินของศาลฎีกาว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญมากของชีวิต ตนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจากคู่แข่งทางการเมือง แต่คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีคือ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และศาลได้สั่งดำเนินคดีกับธาริตไปแล้ว หลังจากนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องต่อและดำเนินการสอบสวนตน แต่อัยการตัดสินว่าตนไม่มีความผิด ส่งสำนวนคืนให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับตนต่อ
“ผมต่อสู้คดีด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พยานบุคคล และกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้กระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหา ส่วนศาลจะพิพากษาอย่างไร ผมให้ความเคารพกับศาล ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร ผมก็น้อมรับ ถือว่าได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ข้อกล่าวหาว่าผมทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักเป็นปมในชีวิตมาหลาย 10 ปี ถ้าศาลพิพากษาออกมาเป็นคุณ ผมก็จะได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับมา”
สุเทพระบุอีกว่า ป.ป.ช. กล่าวหาให้ตนเป็นจำเลยสังคม และมีประชาชนหลายส่วนที่เชื่อกับข่าวนี้ เมื่อถึงวันนี้จะยุติเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพยานหลักฐานทั้งหมดจะสามารถคลายปมคดีนี้ได้หรือไม่ สุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้ตนหาข้อมูลหลักฐานด้วยตัวเอง และเชื่อมั่นในความจริงของพยานหลักฐาน แต่การพิจารณาของศาลก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากศาลตัดสินในเชิงลบ ก็ถือว่าเป็นการปิดชีวิตทางการเมือง ตนขอยุติทุกอย่าง
สำหรับคำชี้แจงจะสามารถหักล้างการฟ้องร้องของ ป.ป.ช. ได้หรือไม่ สุเทพกล่าวว่า ตนไม่กล้าที่จะก้าวล่วงอำนาจศาล แต่มั่นใจว่าข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่ได้เสนอกับศาลจะสามารถช่วยตนให้พ้นข้อกล่าวหาได้
ขณะเดียวกัน แทน เทือกสุบรรณ บุตรชาย ได้เดินทางมาให้กำลังใจ รวมถึง ชุมพล จุลใสย อดีต ส.ส. ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยร่วมต่อสู้ทางการเมือง ได้เดินทางมาให้กำลังใจสุเทพด้วย