วันนี้ (26 พฤษภาคม) สุธรรม แสงประทุม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ว่าประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด สะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในทิศทางที่ถูกต้อง โดยให้ความไว้วางใจฝ่ายประชาธิปไตย 30 ล้านเสียงเป็นอย่างน้อย
พร้อมขอชื่นชมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์พอสมควร แต่อยากให้ กกต. ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนเพื่อให้กลไกทางสภาผู้แทนราษฎรที่ประชาชนคาดหวังสามารถเดินหน้าต่อไป ทั้งการสรรหาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 15 วัน
สุธรรมกล่าวชื่นชมฝ่ายประชาธิปไตยที่ฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้ และเชื่อว่าเมื่อกลไกที่ประชาชนมอบความไว้วางใจเดินต่อไป ความเชื่อมั่นต่างๆ ทั้งการลงทุน ความเชื่อมั่นของประชาชน และนักลงทุนของนานาประเทศจะดีขึ้น
สุธรรมยังกล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาที่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างว่า อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยปรึกษาหารือกัน ซึ่งยังมีเวลาอีกประมาณ 15 วัน ยังทันที่จะหาคนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ โดยตำแหน่งประธานสภาเป็นกลไกสำคัญในการจะต้องมาทำงาน ไม่อยากให้กลไกนอกสภามาพลิกผันเจตนาลวงจากการเลือกตั้ง
“เชื่อว่าทุกฝ่ายตกลงกันได้ในเรื่องตำแหน่งประธานสภา โดยประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะที่ MOU ก็เดินหน้าไปได้ 90% ไม่อยากให้การแสดงความเห็นนอกระบบมาก่อกวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนฝ่าฟันใช้ปากกาเข้าคูหาสู้กับอำนาจมืด มากำจัดวงจรสืบทอดอำนาจอย่างมหัศจรรย์ที่สุด” สุธรรมกล่าว
สุธรรมยังกล่าวด้วยว่า ตนไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนมอบหมายมาเสียของ เป็นการชนะตามครรลองระบอบประชาธิปไตย การแสดงเจตจำนงประชาธิปไตยที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ชีวิตตนเคยเห็น เช่น 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ ครั้งนี้เป็นการแสดงออกตามระบบรัฐสภาที่เป็นเจตจำนงของประชาชน
ส่วนคำถามที่ว่าปัญหาเก้าอี้ประธานสภามีแรงกดดันถึงกับให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ สุธรรมระบุว่า ตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีวุฒิภาวะทางการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ประสบความสูญเสียที่หนัก การยึดอำนาจแต่ละครั้ง การทำลายพรรคหลายหนทุกรูปแบบ ทำให้เราทนทานและมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ
ตนจึงเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะรับรู้ความรู้สึกความคาดหวังของประชาชน และเป็นผู้ใหญ่ที่จะนำพาเจตนารมณ์นี้ไปประสบความสำเร็จให้ได้ และเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรคมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือต้องการหาทางออกให้บ้านเมืองสงบสันติ
ส่วนข้อเสนอที่จะให้คนของพรรคการเมืองอื่น เช่น พรรคประชาชาติดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแทน หากสองพรรคตกลงกันไม่ได้ สุธรรมกล่าวว่า ต้องให้สภาเป็นผู้หาคำตอบ เข้าใจว่าความคาดหวังมีหลายแบบ แต่ท้ายที่สุดที่ลงทุนเลือกตั้งใช้งบประมาณมหาศาลและรอคอยกันมา อยากเห็นดอกผลนี้ปรากฏเป็นจริง ไม่อยากให้มีคำว่าเสียของเสียโอกาส เพราะถ้าเสียโอกาสครั้งนี้จะน่าเสียใจมาก ไม่อยากทำให้ประชาชนเสียใจ อยากให้เดินไปอย่างราบรื่น เพราะหนทางข้างหน้ายังมีอีกเยอะที่ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน เชื่อว่าเรื่องจุกจิกต่างๆ จะคลี่คลายได้ ถ้าร่วมมือร่วมใจกัน
ส่วนข้อสังเกตที่ว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนร่วมต่อกรกับพรรคก้าวไกล และไฟเขียวให้คนของพรรคเพื่อไทยทำเช่นนั้น สุธรรมยืนยันว่า ไม่มี เพราะทักษิณให้ความเมตตาคนรุ่นใหม่เสมอ และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน และเป็นผู้ถูกกระทำโดยละเมิดหลักการมาโดยตลอด เชื่อว่าทักษิณเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนง่ายๆ ซื่อๆ ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่ตนคบมา บางครั้งแสดงง่ายเกินไป ซื่อเกินไปก็เข้าใจท่านผิดไปอีก
“ส่วนตัวผมปรารถนาให้คุณทักษิณกลับมาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน นำประสบการณ์มาช่วยบ้านเมืองต่อไปตามช่องทางที่คนสูงอายุคนหนึ่งให้กับบ้านเมืองได้ ไม่เชื่อว่ามีใครจะสามารถชี้นำเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของประชาชนได้” สุธรรมกล่าว
สุธรรมกล่าวอีกว่า ผู้มีประสบการณ์หลายคนก็ออกมาชื่นชม เช่น อานันท์ ปันยารชุน, สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ต่างชื่นชมกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องทะนุถนอมอย่างยิ่ง และอยากให้ประคับประคองเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการรีทวีตข้อความ ดวงฤทธิ์ บุนนาค และ ทักษิณ อาจถูกตีความถึงนัยที่เปิดไฟเขียว สุธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงความเห็นประกอบ แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะหยุดท้วงติงได้แล้ว ให้สภาเป็นทางออกรวม เพราะตั้งแต่นี้ไปรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นที่ถกเถียงทุกปัญหา ลดข้อขัดแย้ง หาข้อสรุปที่ดีกว่าให้ได้ทุกเรื่อง และขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการเรื่องนี้ตามครรลองเพื่อจะเลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายดีๆ ไปดำเนินการ อย่างน้อยดีกว่าสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่แน่นอน
ส่วนคู่เทียบเต็งว่าที่ประธานสภาระหว่างสองพรรคการเมือง เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หรือ ณัฐวุฒิ บัวประทุม นั้น สุธรรมไม่ขอให้ความเห็น เรื่องความเหมาะสม ขอให้สภาเป็นผู้ตัดสิน เพราะรอบคอบกว่า แต่ฟังความเห็นจากหลายคนก็อาจจะแตกต่างกัน เช่น ชวน หลีกภัย ก็อาจจะมีความเห็นดีๆ เพียงแต่ไม่ได้แสดงความเห็นมา และเชื่อว่าสภาจะมีครรลองในการหาทางออกที่สงบ สันติ ที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นทางออกที่ดีมากกว่าต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างแสดง
ทั้งนี้ ถ้าตกลงกันไม่ได้ แล้วมีแฟนคลับสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านแล้ว พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่นั้น สุธรรมระบุว่า อยากให้ตกลงกันได้ เพราะประชาชนเลือกเรามา อย่าให้เราทำเรื่องเล็กที่เสียเจตจำนงของประชาชน
อย่างไรก็ตาม สำหรับสุธรรมนั้นถือว่าไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. มานานแล้ว เนื่องจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง นับเป็นการกลับเข้ามาทำงานทางการเมืองอีกครั้งในรอบเกือบ 20 ปี