นิยามคำว่า The Masterpiece ของคุณคืออะไร คืองานที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของคุณได้ดีที่สุด งานที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด หรือเป็นเพียงงานที่สร้างความภูมิใจให้กับคุณที่สุด
แต่สำหรับ หนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล ผู้บริหารและเจ้าของบริษัทอัญมณีชื่อดังระดับประเทศ ‘Beauty Gems’ ที่สร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นมานับไม่ถ้วน สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีในประเทศไทยให้ดังไกลไปทั่วโลก เขากลับมอบคุณค่าให้กับการรังสรรค์ผลงานทุกวันเหมือนกับการค่อยๆ สะสมงานมาสเตอร์พีซ หรือความรู้สึกที่ได้ทำงานที่รักก็ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซของชีวิตเช่นกัน
อุดมการณ์ที่ชัดเจน มุมมองการทำงาน และการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของนิยามคำว่า The Masterpiece ในแคมเปญ ‘Experience The 7’ แคมเปญที่ค้นหาบุคคลต้นแบบ ถ่ายทอดมุมมองการใช้ชีวิต ส่งต่อต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจ โดยมุ่งหวังให้เรื่องราวของพวกเขาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดแนวคิดในการพัฒนาตนเองและสังคม สะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในสายเลือดของ BMW โดย BMW Thailand
กว่า Beauty Gems จะกลายเป็นแบรนด์อัญมณีระดับประเทศจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามในวงการอัญมณี หนึ่ง สุริยน ต้องผ่านการเจียระไนมาไม่น้อย “ชีวิตผมต้องอยู่ท่ามกลางความกดดัน เพราะเราใช้ชีวิตอยู่กับของที่มีมูลค่าสูง ต้องแบกรับความน่าเชื่อถือ ต้องสร้างความไว้วางใจ ฉะนั้นทุกชิ้นงานที่เราสร้างสรรค์จะต้องเพอร์เฟกต์เท่านั้น”
วิธีเยียวยาความเจ็บปวดจากแรงกดดันของเขาคือการสร้างแรงบันดาลใจให้หัวใจอยากไปต่อ “ผมเคยพูดว่าแรงบันดาลใจดีๆ มันหายากกว่าเพชรอีก แต่สุดท้ายแล้วผมกลับพบว่าแรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัว คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นแบบอย่างในการทำงานและการดำเนินชีวิตก็คือแรงบันดาลใจหรือความรู้สึกที่อยากจะรังสรรค์ผลงานที่เป็น Made in Thailand สร้างชื่อเสียงให้กับคนไทย สร้างรายได้ให้กับประเทศ ด้วยฝีมือระดับมาสเตอร์พีซของคนไทย เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีพลังสู้ต่อ”
ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราจะยังค้นพบแรงบันดาลใจได้เสมอ
หากแรงบันดาลใจคือเชื้อเพลิง การคิดนอกกรอบคงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่คนสำเร็จใช้กัน สุริยนก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่มีความคิดนอกกรอบ “การคิดนอกกรอบสำหรับผมสำคัญมาก โดยเฉพาะยุคนี้ที่ต้องเห็นวิกฤตให้เป็นโอกาส แม้จะมาพร้อมความเสี่ยง แต่หินก็ยังต้องใช้เวลาหลายล้านปีกว่าจะกลายเป็นเพชร ฉะนั้นความล้มเหลวในตอนนี้อาจนำพาให้คุณกลายเป็นเพชรในวันข้างหน้า ผมเองก็บริหารงานด้วยการคิดนอกกรอบ ผมเชื่อว่าสิ่งที่จะพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ต้องหมั่นเติมเชื้อเพลิงที่ดี นั่นคือแรงบันดาลใจ ความหวัง เพื่อนำมาสร้างผลงานที่ดี เมื่อนั้นความสำเร็จจะตามมา”
อย่าหมิ่นความพยายาม แม้ใช้เวลานาน แต่สุดท้ายหินจะกลายเป็นเพชร
แต่การจะได้มาซึ่งความสำเร็จไม่ควรกดดันตัวเอง นี่เป็นอีกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา “เราไม่ควรกดดันตัวเองด้วยคำว่าความสำเร็จ แต่ควรจะกดดันตัวเองด้วยผลงาน ผลงานจะทำให้เรามั่นใจ ความสำเร็จสำหรับผมมันคือการลงมือทำงานในสิ่งที่เรารัก ความสำเร็จเป็นแค่ผลพลอยได้ อีกสิ่งที่คุณต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอคือจงใช้ชีวิตอย่างเข้าใจว่าไม่มีอะไรจะได้ดั่งใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์”
หากการได้ทำงานที่รักคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ก็คงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาเชื่อว่า The Masterpiece ก็ไม่ควรถูกจำกัดแค่เพียงผลงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แม้นิยามของคำนี้จะหมายถึง ‘ผลงานที่สุดยอด’ ก็ตาม โดยเฉพาะคนที่ต้องสรรสร้างงานศิลปะทุกวัน “สำหรับผม มาสเตอร์พีซเป็นเหมือนการสะสมผลงานที่เราได้รังสรรค์ในทุกวัน ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ได้สร้างผลงานทุกชิ้นที่ดีในทุกวัน นั่นคือมาสเตอร์พีซสำหรับผม”
มาสเตอร์พีซอีกแง่งามของเขายังรวมถึงการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม และสิ่งนั้นก็สะท้อนกลับมาเป็นแรงบันดาลใจ ความภูมิใจ และกำลังใจในการสร้างสรรค์งานต่อไป “ผมได้มีส่วนร่วมผลักดันกฎหมายการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมมองเห็นและอยากแก้ไข ทำให้ผมเห็นว่าเราสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้ ดังนั้นใครก็สร้างมาสเตอร์พีซได้ ทุกคนมีโอกาสเหมือนกัน มีลมหายใจเหมือนกัน ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรือดีกว่าใคร
“คุณค่าของชีวิตที่เราสร้างเพื่อตัวเองและเผื่อแผ่ไปสู่ส่วนร่วมได้ นั่นล่ะคือการสร้าง The Masterpiece ให้กับชีวิต”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
