สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่พระคติธรรมของสมเด็จพระสังฆราชฯ มีใจความว่า เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2561 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า
ดิถีวิสาขบูชาเวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว นอกจากพุทธบริษัททุกหมู่เหล่าจักได้บูชาพระรัตนตรัยเป็นกรณีพิเศษ ยังเป็นวาระเฉลิมฉลองของชาวโลกตามที่องค์การสหประชาชาติประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก นับเป็นที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้เราทั้งหลายรู้เท่าทันจิตใจของตนเองอยู่ตลอดเวลา ความรู้เท่าทันดังกล่าวนี้คือการรู้แจ้งสภาพธรรมทั้งหลาย ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรมว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของเรา หากแต่เป็นสภาวะที่เกิดและดับสลับกันไปมิรู้จบสิ้น
ความไม่รู้เท่าทันสภาวะเช่นนี้เองที่อำพรางให้คนเราคิดผิด เปรียบเสมือนการใช้เวลาตลอดชีวิต เพื่อชมมายากลโดยมิรู้เท่าทันว่าภาพอันดำเนินต่อเนื่องนั้นเป็นเพียงมายาที่ลวงตาทั้งสิ้น
ถ้าเมื่อใดบุคคลมีความรู้แจ้งในสภาพทุกข์ ความเปลี่ยนแปลง และความว่างจากตัวตน เขาย่อมสามารถละความโลภ ความโกรธ และความหลงที่ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัวได้
อย่างไรก็ตาม การจะละคลายความยึดมั่นถือมั่นอันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย หากขาดสภาพธรรมะที่เรียกว่า ‘สติ’ ความทุกข์ยากในโลกมนุษย์ที่เราเผชิญกันอยู่ทุกวันนี้ล้วนเกิดจากภาวะขาดสติด้วยกันทั้งสิ้น
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงประทานพระบรมพุทโธวาทไว้ว่า ‘สติเป็นเครื่องตื่นอยู่ในโลก’
เพราะฉะนั้นบุคคลใด ครอบครัวใด ชุมชนใด และสังคมใดปรารถนาจะประสบสันติสุขอันไพบูลย์ บุคคลนั้น ครอบครัวนั้น ชุมชนนั้น และสังคมนั้นจำเป็นต้องสั่งสมภาวะแห่งการตื่นรู้เพื่อจักได้รู้เท่าทันการคิด การพูด และการกระทำด้วย ‘สัมมาสติ’ อันเป็นหนทางไปสู่ปัญญา นำมาซึ่งความหลุดพ้นจากห้วงทุกข์ได้อย่างแท้จริง
เนื่องในดิถีวิสาขบูชา ขอเชิญชวนท่านสาธุชนทั้งหลายจงอย่าได้ละเลยการอบรมเจริญสติให้รู้เท่าทันกาย วาจา และใจของตน อันจักได้ชื่อว่าเป็นการกระทำหน้าที่ชาวพุทธ ได้ปฏิบัติบูชาตามที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ และเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนอยู่คู่โลกนี้สืบไปตราบกาลนาน