เนื่องในวันมาฆบูชา 1 มีนาคม 2561 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า
ดิถีมาฆบูชาเป็นโอกาสให้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ 4 ประการ ซึ่งบังเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ‘จาตุรงคสันนิบาต’ กล่าวคือ มีพระภิกษุ 1,250 รูปที่พระพุทธองค์ได้ทรงส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนากลับมาเฝ้าพระศาสดาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ทุกรูปล้วนเป็นเอหิภิกขุซึ่งพระพุทธองค์ทรงอุปสมบทประทานให้ พระสงฆ์ทั้งนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ และการประชุมกันนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ
ในโอกาสดังกล่าว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานอุดมการณ์เผยแผ่พระพุทธศาสนา มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อ
ข้อแรกได้แก่ ‘ขันติ’ คือความอดทนอดกลั้น อันนักบวชในศาสนานี้จำเป็นต้องอบรมสั่งสมให้เจริญขึ้น
ข้อสอง ได้แก่การมุ่ง ‘พระนิพพาน’ เป็นเป้าหมายหลักของผู้ออกบวช ไม่มุ่งแสวงสิ่งอื่นใดนอกจากการหลุดพ้นจากห้วงทุกข์ด้วยวิธีการตามหลักพระพุทธศาสนา
ข้อสาม ไม่พึงทำผู้อื่นให้ลำบากด้วยการเบียดเบียนไม่ว่าจะในกรณีใดๆ และ
ข้อสี่ เป็นผู้มีจิตใจสงบจากอกุศลวิตก มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ นอกจากการประกอบศาสนพิธีเพื่อบูชาพระรัตนตรัยเป็นพิเศษแล้ว พุทธบริษัทจึงควรศึกษาทบทวนถึงอุดมการณ์ดังกล่าวให้ถ่องแท้ ไม่จำกัดเฉพาะเพียงแต่ในหมู่บรรพชิต หากยังรวมถึงฆราวาสด้วย
ถ้าแต่ละคนตั้งตนไว้ด้วยขันติธรรม มีความอดทนอดกลั้นในการดำเนินชีวิต มุ่งประพฤติสุจริตธรรมจรรยาเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ ไม่ริก่อความเบียดเบียนกันและกัน ในขณะเดียวกันก็พยายามลดละความชั่วทุกชนิดให้เบาบางจนหมดสิ้นไป ความเจริญสุข ความเกษมปราศภัยในชีวิตของแต่ละคนย่อมจักบังเกิดขึ้นได้อย่างแน่แท้
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริริเริ่มให้มีประเพณีมาฆบูชาบนแผ่นดินไทย สมควรที่ชาวไทยจะได้สืบสานพระราชศรัทธา น้อมนำคุณค่าของวันสำคัญนี้มาสู่ตน ครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ และโลก ให้ไพบูลย์ยิ่งขึ้น
ขอสาธุชนทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อความผาสุกสิริสวัสดิ์จักได้บังเกิดแก่ท่านผู้ปฏิบัติธรรม ตามสมควรแก่ธรรมนั้นๆ ทุกประการ