วานนี้ (30 มิถุนายน) ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีมติด้วยเสียงข้างมาก 6-3 เสียง ออกคำตัดสินให้จำกัดอำนาจของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ในการควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละรัฐทั่วประเทศ ส่งผลให้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโกรธเคืองอย่างหนัก และวิตกกังวลว่าสหรัฐฯ จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่หวังจะลดการปล่อยคาร์บอนในสหรัฐฯ รวมถึงเป้าหมายการปกป้องสิ่งแวดล้อมในระดับโลกที่มุ่งเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยก๊าซพิษมาสู่แหล่งพลังงานที่สะอาดกว่าเดิม
ไบเดนกล่าวว่า คำตัดสินของศาลนับเป็น ‘การตัดสินใจที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง’ แต่ก็ได้ย้ำว่าสิ่งนี้จะไม่บ่อนทำลายความพยายามของเขาในการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกรวนอย่างแน่นอน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนียออกโรงเป็นตัวแทนของอีก 18 รัฐ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐที่มีพรรครีพับลิกันเป็นผู้นำ) ตลอดจนบริษัทถ่านหินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่งยื่นฟ้องต่อศาล โดยอ้างว่า EPA ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่จะสั่งจำกัดการปล่อยคาร์บอนในทุกรัฐของประเทศ โดยทั้ง 19 รัฐต่างวิตกกังวลว่า EPA อาจใช้อำนาจสั่งการให้ภาคพลังงานยกเลิกการใช้งานถ่านหิน ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
แม้คำตัดสินที่ออกมานี้จะถือว่าน่าผิดหวังสำหรับสหรัฐฯ และตัวประธานาธิบดีไบเดนเองที่ประกาศเป้าหมายแก้ปัญหาสภาวะโลกรวนตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง แต่ถึงเช่นนั้น คำตัดสินของศาลก็ไม่ได้จำกัดอำนาจของ EPA ทั้งหมด แต่ระบุว่าสภาคองเกรสจะต้องให้อำนาจกับ EPA อย่างชัดเจนจึงจะสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในอดีตสภาคองเกรสเคยปัดตกข้อเสนอของ EPA เกี่ยวกับโครงการจำกัดการปล่อยคาร์บอนมาแล้ว
คำตัดสินดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมาก จนส่งผลให้บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศออกมารวมตัวประท้วง เพราะคำตัดสินนี้จะส่งผลกระทบต่อแผนการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกรวนโดยตรง โดยทั้ง 19 รัฐมีอัตราการปล่อยคาร์บอนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 44% ของประเทศในปี 2018 และนับตั้งแต่ปี 2000 ทั้ง 19 รัฐบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนโดยเฉลี่ยเพียง 7% เท่านั้น
วิกกี แพตตัน ที่ปรึกษาทั่วไปของกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อม (EDF) กล่าวว่า “คำตัดสินของศาลสูงในวันนี้บ่อนทำลายอำนาจของ EPA ในการปกป้องผู้คนจากปัญหามลพิษทางสภาพภูมิอากาศ ในช่วงเวลาที่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดบ่งชี้ว่าเราต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน”
แฟ้มภาพ: Spencer Platt / Getty Images
อ้างอิง: