วันนี้ (5 เมษายน) เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด กล่าวถึงกรณีที่มีคลิปเสียงเรื่องโควตาลอตเตอรี่ที่จะใช้เงินมาหาเสียง หลังไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดุสิต เอาผิดผู้อัดคลิปและนำไปเผยแพร่ว่าเป็นไปตามขั้นตอน โดยย้ำว่าเสียงสนทนาดังกล่าวมีความยาวกว่านั้นแต่มีการตัดต่อไป ซึ่งที่พูดทั้งหมดยืนยันว่าไม่มีโควตา ต้องไปเข้าระบบ ใครติดสินบนต้องโดนดำเนินคดีทั้งหมด โดยหลังจากนี้ต้องนำคลิปเสียงดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลตามที่ จุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อ้างว่าเป็นคนชื่อ ‘กิ๊ก’ และต้องไปตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นคนอัดคลิปกันแน่ รวมถึงต้องเรียกคนชื่อกิ๊กมาสอบสวนว่าทำด้วยวัตถุประสงค์อะไร
เสกสกลย้ำว่า ตนไม่มีอำนาจในการให้โควตาใดๆ ทั้งสิ้น หากมีใครเอาเงินมาล่อ หรือมีผลประโยชน์ ตนจะดำเนินการทั้งหมด พร้อมมั่นใจในการทำงานเพื่อพิสูจน์และจะเดินหน้าแก้ปัญหาจับผู้ที่ค้าสลากแพงเกินราคา ตั้งกรอบให้กลับมาขายในราคา 80 บาทให้เร็วที่สุด พร้อมย้ำว่าตนไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงกับผู้ค้าสลากรายใดทั้งสิ้น ไม่เว้นรายใหญ่ รายย่อย หรือที่เป็นมูลนิธิ ซึ่งจะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง เป็นไปตามอำนาจของกองสลากที่ดำเนินการตามความจริง
ส่วนที่พรรคก้าวไกลออกมาเรียกร้องให้ปลดตนเองออกจากคณะกรรมการนั้น เสกสกลถามว่า ตนมีความผิดอะไร การที่ตนพูดคุยกับจุรีพรเรื่องการขอยืมเงิน เป็นการคุยกันปกติ เพราะสนิทกันมา 20 ปี และเป็นการยืมชั่วคราว ไม่ได้ไปโกงหรือทุจริตอะไร พร้อมย้ำว่าเป็นการพูดเล่นกันเท่านั้น ส่วนความเชื่อถือที่ลดลงก็ไม่เป็นอะไร เพราะความจริงคือความจริง ต้องพิสูจน์และทำให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แต่เรื่องผลประโยชน์ใครจะกล่าวหาก็อีกเรื่องหนึ่ง และยังไม่ถึงขั้นที่ต้องพิจารณาตนเอง ขอให้ตรวจสอบได้เพราะตนไม่ได้มีความผิดอะไร
เสกสกลยังย้ำว่า ไม่มีการเรียกร้องให้ตนออกจากคณะกรรมการ ซึ่ง อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีเรื่องนี้
ส่วนกรณีนี้เกี่ยวข้องกับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยาพรรคเศรษฐกิจไทย หรือไม่ เสกสกลระบุว่า ขออย่าไปโยงเพราะเป้าหมายคือการทำเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่เชื่อว่ามีคนพยายามดิสเครดิตตน เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เสกสกลกล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
นอกจากนี้ เสกสกลยังระบุว่า ตนไม่เสียกำลังใจในการทำงาน จากนี้จะหนักแน่นกว่าเดิม ฝากบอกประชาชนจะลุยให้หนักกว่าเดิม ย้ำตนไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ใครที่คิดจะดิสเครดิต บอกเลยว่าไม่สำเร็จ เพราะตนไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง