วันนี้ (17 มีนาคม) พล.อ. สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครนว่า สำหรับผลกระทบของประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลได้แจ้งให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ตนในฐานะผู้ดูแลนโยบายด้านความมั่นคงและแนวทางต่างๆ ได้สรุปและประเมินสถานการณ์ พร้อมเสนอแนวทางต่างๆ ให้รัฐบาลผ่านทางนายกฯ และคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีมาตรการที่สำคัญที่จะแก้ไขเรื่องนี้ เพราะถือเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจ พลังงาน และโยงไปถึงความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะการเกษตร ซึ่งรัฐบาลได้ทยอยมีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ และจะมีออกมาเรื่อยๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน
พล.อ. สุพจน์กล่าวต่อไปว่า ในแง่มุมของไทยเราจะมีการพิจารณาหลายเรื่อง แต่สิ่งที่เราคำนึงมากที่สุดคือเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยจะพิจารณาดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสั้นหรือจะยาว ถ้าสั้นจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือหากยาวจะเตรียมแผนอย่างไร เราคำนึงถึงความมั่นคงของเรากับความเป็นอยู่ของประชาชน ควบคู่กับแผนรองรับด้านระบบเศรษฐกิจเป็นหลัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะตั้งหน่วยงานขึ้นมาเหมือนกับ ศบค. เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะหรือไม่ พล.อ. สุพจน์กล่าวว่า ไม่มี จะมีแค่ในสภา สมช. ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน และตนเป็นเลขาฯ และมีคณะอนุกรรมการที่ตั้งไว้แล้ว เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงและแก้ไขปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งกลไกนี้ขับเคลื่อนตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นข่าว ซึ่งในสภา สมช. จะมีการสรุปทุกเรื่องและรายงานต่อนายกฯ จนมีมาตรการออกมาช่วยเหลืออย่างที่เราเห็น
ส่วนช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศไทยมีอะไรต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ. สุพจน์กล่าวว่าไม่มี ซึ่งเหตุการณ์นี้เท่าที่ดูเหมือนจะมีแนวโน้มไปในแนวทางที่ดี การเจรจารู้สึกว่าจะกระชับมากขึ้น เราก็หวังว่าเหตุการณ์จะยุติในระยะสั้น แต่สิ่งที่กระทบคือเหตุการณ์ครั้งนี้มีการคว่ำบาตรและการลงโทษทางเศรษฐกิจกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมถึงทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบกันหมด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เรารับทราบและระมัดระวังมาตลอด ส่วนประเด็นความมั่นคงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนยูเครนและคนรัสเซีย หรือภาพรวมของประเทศไทย ทางหน่วยความมั่นคงได้แจ้งเตือนและเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.อ. สุพจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า สงครามครั้งนี้นอกจากเขาสู้รบกันที่ยูเครน ทั่วโลกก็รบกันด้วยระบบทางเศรษฐกิจ รบกันด้วยระบบข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าทุกฝ่ายมีความระมัดระวังเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลมากๆ
