ประเดิมช่วงที่ 5 ของการประกาศรางวัลออสการ์ด้วยรางวัลที่หลายคนลงความเห็นไปในทางเดียวกันมากที่สุดคือ Best Cinematography ตกเป็นของ 1917 ที่ถูกถ่ายทอดด้วยความทะเยอทะยานในการถ่ายภาพแบบมหากาพย์ลองเทก (ผ่านการตัดต่อให้เหมือนทั้งเรื่องถ่ายต่อเนื่องกัน) ของ โรเจอร์ ดีกินส์ ที่ทำให้คนดูเหมือนถูกดึงดูดให้ลงไปอยู่ร่วมสมรภูมิเดียวกับตัวละครในเรื่องจริงๆ
นับว่าเป็นรางวัล Best Cinematography ครั้งที่ 2 ของ ‘มหาเทพ’ แห่งวงการกำกับภาพต่อจาก Blade Runner 2049 จากการเข้าชิงทั้งหมด 15 ครั้ง โดยในครั้งนี้ดีกินส์สามารถเอาชนะคู่แข่งจากเรื่อง The Irishman, Joker, The Lighthouse และ Once Upon a Time…in Hollywood ไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
และนับเป็นรางวัลที่ 2 ของ 1917 หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งคว้ารางวัล Best Sound Mixing ที่สร้างสรรค์และผสมผสานเสียงที่ช่วยเร่งเร้าอารมณ์ของคนดูให้เหมือนเข้าไปอยู่ในสมรภูมิรบโดย มาร์ก เทย์เลอร์ ที่เข้าชิงรางวัลนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และสจวร์ต วิลสัน ที่เข้าชิงมาแล้ว 6 ครั้ง โดยผลงานจาก 1917 คือการคว้ารางวัลนี้เป็นครั้งแรกของพวกเขา
ส่วน Best Sound Mixing นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาขาที่เดาได้ยาก เนื่องจากมีคู่แข่งสายแข็งทั้ง Ad Astra, Ford v Ferrari, Once Upon a Time…in Hollywood และ Joker
ส่วนอีกหนึ่งรางวัลด้านเทคนิคภาพคือ Best Film Editing ตกเป็นของ Ford v Ferrari โดย แอนดรูว์ บัคแลนด์ และไมเคิล แม็กคัสเกอร์ ซึ่งนับเป็นการคว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตของทั้งคู่ โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งจากเรื่อง The Irishman, Jojo Rabbit, Joker และ Parasite ไปได้
และนับเป็นรางวัลออสการ์ตัวที่ 2 ในปีนี้ของ Ford v Ferrari ด้วยเช่นกัน หลังจากเพิ่งคว้ารางวัล Best Sound Editing ที่ตกเป็นของ Ford v Ferrari ที่ตัดต่อโดย โดนัลด์ ซิลเวสเตอร์ ที่เพิ่งเข้าชิงรางวัลนี้เป็นครั้งแรก และสามารถเอาชนะคู่แข่งจากเรื่อง Joker, Once Upon a Time…in Hollywood, Star Wars: The Rise of Skywalker และ 1917
ทำให้ตอนนี้ Ford v Ferrari กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ทำผลงานได้ดีมากๆ เพราะสามารถคว้าไปได้ถึง 2 จาก 4 รางวัลที่เข้าชิง และตอนนี้ก็ยังเหลือรางวัลใหญ่อย่าง Best Picture ให้ได้ลุ้นอีกหนึ่งรางวัล
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์