วันนี้ (2 ธันวาคม) ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขึ้นกล่าวแถลงผลงานของกระทรวง พร้อมแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนกระทรวงที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ภายในงานนำเสนอผลงานในรูปแบบที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ซึ่งเป็นนวัตกรรมแห่งการนำเสนอ โดยถ่ายทอดผลงานผ่านละครเวทีสร้างสรรค์ภายใต้ชื่อ ‘เชื่อมต่ออนาคตไทย สู่ปีแห่งความสำเร็จกับกระทรวง อว.’ ที่สามารถเข้าถึงประชาชน สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศุภมาสกล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ตนวางนโยบายหลักด้านการอุดมศึกษาคือ ‘เรียนดี มีความสุข มีรายได้’ ที่มุ่งเป้าหมายการลดภาระของนักศึกษา ผู้ปกครอง และอาจารย์ สำหรับด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เน้นนโยบาย ‘วิจัย นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ’ โดยให้ภาคเอกชนมีบทบาทนำและภาครัฐทำหน้าที่สนับสนุน
กระทรวง อว. มุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจในฐานนวัตกรรม โดยเชื่อว่าการอุดมศึกษาคือรากฐานสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการทำให้ อว. เป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศผ่านการวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ สร้างความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย ‘อว. for IGNITE THAILAND’ ที่ตั้งเป้าผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และ AI โดยจัดตั้ง 5 หลักสูตรแซนด์บ็อกซ์เพื่อสร้าง New Growth Engine ในประเทศ ได้แก่ หลักสูตรวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์, วิศวกรรมไซเบอร์, วิทยาการ, ชีวการแพทย์ขั้นสูง และวิศวกรรมระบบราง
ขณะที่ด้านการปฏิรูปอุดมศึกษา กระทรวง อว. มุ่งเน้นแนวคิด ‘2 ลด 2 เพิ่ม’ คือ ลดภาระ ลดเหลื่อมล้ำ เพิ่มทักษะ และเพิ่มโอกาส เพื่อให้การศึกษาเข้าถึงได้และมีคุณภาพผ่านมาตรการ Free TCAS และ Free TGAT ที่สำคัญ อว. ได้พัฒนาสถาบันอุดมศึกษาให้ตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านระบบสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำมาเทียบโอนเพื่อสำเร็จการศึกษา
รวมไปถึง Skill Mapping (แผนที่ทักษะ), Skill Transcript (บันทึกทักษะ) และ Coop+ (สหกิจศึกษาพลัส) ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาและประชาชนสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคต
กระทรวง อว. ยังให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความตระหนักด้านการวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีในสังคมวงกว้าง ผ่านการจัดกิจกรรม ‘อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND’ ทั้งในกรุงเทพฯ และ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสและเรียนรู้นวัตกรรมแห่งอนาคต
รวมถึงงาน ‘One Stop Open House 2024’ ที่รวมสถาบันอุดมศึกษาจากทั่วประเทศไว้ในที่เดียว เพื่อให้ข้อมูลการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแก่เยาวชนและผู้ปกครอง ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสถาบันอุดมศึกษาหลายๆ แห่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลการเข้าศึกษาต่อ
ศุภมาสกล่าวอีกว่า ในปีต่อไปกระทรวง อว. จะสานต่อนโยบายเดิมให้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยมี 12 เรื่องที่จะทำทั้งในด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- การปฏิรูปอุดมศึกษาด้วยเทคโนโลยี AI ผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาก้าวสู่การเป็น AI University รองรับยุค Education 6.0 ด้วยการนำ AI และ Metaverse มาช่วยในการเรียนการสอนแบบ Immersive Education
- การเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานของบัณฑิตจบใหม่ จัดให้มีการรวมผู้ประกอบการมาพบกับบัณฑิตในงาน Job Fair ภายในต้นปีหน้า
- การเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังคนตามความต้องการของอุตสาหกรรม ให้มหาวิทยาลัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรมพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน
- การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการพิจารณาการขอตำแหน่งทางวิชาการ จัดให้มีระบบการตรวจสอบสถานะผ่านออนไลน์และปรับปรุงกระบวนการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- โรงเรียนสาธิตอินเตอร์ สนับสนุนให้มีโรงเรียนสาธิตอินเตอร์ในสาธิตที่มีความพร้อม
- กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา ผลักดันกฎหมายจัดตั้งกองทุนเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม
- อุตสาหกรรมการศึกษาของประเทศไทย ผลักดันไทยให้เป็น Education Hub โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- อว. เป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ใช้ ววน. เพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ สนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ และผลักดันวาระสำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศ โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม (SROI) ไม่น้อยกว่า 5 เท่า และสามารถเพิ่ม GDP ของประเทศได้ไม่น้อยกว่า 1.5% จากการลงทุนด้าน ววน.
- การนำ ววน. ไปแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ นำ ววน. ไปช่วยตอบโจทย์สำคัญของประเทศ เช่น น้ำแล้ง, ภัยพิบัติ, PM2.5 และความมั่นคงด้านพลังงาน
- การนำ Science Park ไปสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ SMEs และสตาร์ทอัพในท้องถิ่น
- การสนับสนุนเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าของประเทศ (Frontier Technology)
- การปฏิรูประบบ ววน. อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดสรรงบประมาณจากกองทุน ววน., การปรับระบบหน่วยบริหารจัดการทุน (PMU), การเพิ่มประสิทธิภาพระบบติดตามและประเมินผล และการจัดทำแผนด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการแสดงวิสัยทัศน์ ศุภมาสระบุถึงการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ตกเป็นประเด็นโลกออนไลน์ว่ากระทรวง อว. ล่าช้าว่า เราปรับปรุงระบบให้เอื้อเฟื้อต่อโลกความเป็นจริง หลังจากที่ระบบล่าช้ามาก โดยรัฐมนตรีและกระทรวง อว. ตกเป็นจำเลยต่อเรื่องนี้ เราจึงมีแอปพลิเคชันคอยแจ้งเตือนเพื่อให้ติดตามเรื่องดังกล่าว
ศุภมาสเน้นย้ำว่า กระทรวง อว. จะยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วยการใช้วิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือสำคัญ พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการศึกษาในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งยังจัดทำ Factsheet ที่รวบรวมวิสัยทัศน์และผลงานสำคัญของหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว
เตรียมดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำอังกฤษ-จีน-ออสเตรเลีย ตั้งสาขาในไทย
ศุภมาสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการแถลงผลงาน 1 ปี ถึงสิ่งที่จะมุ่งหวังจะผลักดันให้กระทรวง อว. เป็นกระทรวงเศรษฐกิจว่า ในขณะนี้เกินกว่าสิ่งที่คาดหวังไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากข้าราชการและหน่วยงานภายในกระทรวง ไม่ว่าตนเองจะมอบนโยบายอะไรไป ทุกคนพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
ขณะเดียวกัน ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายหลักคือการผลิตกำลังคน ซึ่งได้รับการตอบสนองอย่างดี 1 ปีที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ให้เด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้ เมื่อจบการศึกษาก็มีงานทำ และได้รับเงินเดือนในอัตราที่มากกว่าหรือเท่ากับที่เป็นอยู่
ส่วนวิทยาศาสตร์และงานวิจัยต่างๆ ก็มีการนำไปใช้ประโยชน์ ช่วยเหลือประชาชน และทำให้ประเทศชาติมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้น ทั้งธุรกิจอวกาศ ธุรกิจรังสี หลายหน่วยงานของกระทรวง อว. มีนโยบายช่วยผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งกิน ปรับรสชาติ รวมถึงการถนอมอาหาร ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
1 ปีที่ผ่านมากระทรวง อว. ปฏิรูปทั้งฝั่งอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 จะพยายามทำงานเก่าๆ ที่สำเร็จแล้วให้ขยายผลสู่วงกว้างให้มากขึ้น ส่วนงานที่ยังทำไม่สำเร็จก็จะทำให้สำเร็จ เพื่อเปลี่ยนกระทรวง อว. เป็นกระทรวงเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี
ส่วนความคืบหน้าที่จะดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศมาตั้งสาขาในประเทศไทยนั้น ศุภมาสกล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้มากว่าสำเร็จ โดยในวันที่ 9 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ศ. ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล จะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ จีน และออสเตรเลีย เพื่อหารือเพิ่มเติม โดยมีแนวโน้มว่าจะได้รับการตอบรับ ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ 90% คนทั่วไปรู้จัก เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เนื่องจากยังไม่ได้มีการลงนามอย่างเป็นทางการ และโปรเจกต์ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ ส่วนการสร้างหลักสูตรนั้นจะต้องรอรายละเอียดอีกครั้ง
ส่วนการประเมินผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น ศุภมาสกล่าวว่า สำหรับตนเองนั้นให้คะแนนข้าราชการภายในกระทรวงที่เกรด A+ เพราะผลงานทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของข้าราชการและบุคลากรภายในกระทรวงทุกคนที่จะร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม เป็นรูปเป็นร่าง มากกว่าที่จะเขียนแค่นโยบายที่มีความสวยหรู