วานนี้ (8 พฤศจิกายน) รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD สัมภาษณ์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
กรณีกระแสข่าวการแยกกันเดินระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มองว่ามีความชัดเจนขึ้นแล้วหรือไม่
สุขุมกล่าวว่า ไม่เห็นว่าเป็นความชัดเจนขึ้น แต่มองเป็นเรื่องเกมต่อรองของทั้ง 2 คน พล.อ. ประยุทธ์ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อตัวเองคนเดียวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะระแวงว่าถ้าเสนอ 2 ชื่อ มีความเสี่ยงจะถูกพลิกเกมได้ สำหรับวาระที่เหลือ 2 ปี พล.อ. ประยุทธ์ก็รู้ตัว แต่ก็จะเอาแบบนี้ ให้เลือกท่านก่อน แล้วหลังจากนั้นจะเป็น พล.อ. ประวิตร ก็ว่าไป แต่ถ้าเสนอชื่อคู่กันตั้งแต่แรก ก็ระแวงว่าถึงเวลาอาจจะข้าม พล.อ. ประยุทธ์ ไปสู่ พล.อ. ประวิตร เลย จึงต้องการให้เป็นชื่อเดียวก่อน
ผู้ดำเนินรายการถามว่า พล.อ. ประยุทธ์จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ เนื่องจากมีภาพข่าวเดินคู่กัน
สุขุมกล่าวว่า นี่คือการที่ พล.อ. ประยุทธ์ บอกว่าถ้าไม่ยอมตามเขา เขาจะไปกับพีระพันธุ์ เพื่อให้ทราบว่าเขามีทางไป ไม่ใช่ไม่มีทางไป ส่วน พล.อ. ประวิตร เสียท่า พล.อ. ประยุทธ์ มาหลายครั้งแล้ว ยอมกันมาตลอด ดังนั้นรอบนี้ก็ต้องยอมอีก เพราะ 3 ป. จะไม่แยกกัน
ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีอะไรที่จะทำให้ 3 ป. แยกกันเดินหรือไม่
สุขุมกล่าวว่า ไม่มี เพราะมองภาพรวมทั้งหมดจริงๆ แล้ว 3 ป. เป็นแนวร่วมหนึ่งที่เข้ามาดูแลการเมือง ส่วนพรรคพลังประชารัฐ แม้จะดูเป็นพรรคหลักก็เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเช่นนั้น ให้เป็นพรรคการเมือง แต่จริงๆ แล้วเขามี 250 ส.ว. เป็นสิ่งที่อยู่ในมือของ 3 ป. จะว่าไปแล้ว 250 ส.ว. ก็คือตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ตัวแทนของอำมาตยา ตัวแทนนายทุนเก่า คนเหล่านี้ก็กลัวนักการเมืองพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน หากปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเป็นตัวหลักในการตั้งรัฐบาลมีอำนาจ กลุ่มเขาซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยก็จะต้องเสียไปเช่นกัน
ดังนั้นกลุ่มอำนาจเหล่านี้อยู่ใน 250 ส.ว. โดยไม่ใช่พรรคการเมือง แต่มีอำนาจกำหนดการเมือง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หาก 3 ป. แยกกันเดินจริงๆ คาดว่า ส.ว. จะแบ่งเป็นฝ่ายหรือไม่
สุขุมกล่าวว่า สุดท้าย ส.ว. 250 เสียงจะไปทางเดียวกันไม่ว่าใครจะตั้งเขามา อย่าไปดูว่าใครเป็นคนตั้ง แต่ต้องดูว่า ส.ว. เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ตัวแทนของอำมาตยา คืออยู่ฝั่งที่ไม่ใช่นักการเมืองแน่ๆ เขาต้องการให้ 3 ป. คอนโทรลนักการเมืองได้ ไม่ใช่ให้นักการเมืองมาคอนโทรล
ถ้าปล่อยให้ พล.อ. ประวิตรขึ้นนั่งตำแหน่ง พล.อ. ประวิตรจะปล่อยให้นักการเมืองคอนโทรลตัวเอง แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ปล่อยเช่นนั้น
ส่วนกรณี วีระกร คำประกอบ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ออกมาสนับสนุน พล.อ. ประวิตรให้ขึ้นมาแทน พล.อ. ประยุทธ์นั้น
สุขุมกล่าวว่า วีระกรมีความสำคัญแค่ไหนในพรรค ไม่ใช่รัฐมนตรี ไม่ใช่รองหัวหน้าพรรค การเรียกร้องของวีระกรทำได้เช่นเดียวกับทุกคน แต่จะมีน้ำหนักหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การประชุมสัมมนา ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ มีอะไรน่าจับตามองหรือไม่
สุขุมกล่าวว่า ยังไม่ลงตัว เพราะหากเมื่อไรตกลงกันได้จึงจะเห็นการตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ให้ครบ ถ้ายังไม่ตั้งรัฐมนตรีเสริม แสดงว่ายังตกลงกันไม่ได้
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากฟันธง 3 ป. ไม่แยกกัน แล้วเลือกตั้งรอบหน้า การมี พล.อ. ประยุทธ์ อยู่พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นบวกหรือลบกับพรรคมากกว่าเดิม
สุขุมกล่าวว่า โดยมาตรฐานแล้วเป็นผลลบมากกว่าเดิมอยู่แล้ว เพราะ พล.อ. ประยุทธ์วันนี้กับปี 2562 มีความแตกต่างกัน เนื่องจากปี 2562 พล.อ. ประยุทธ์มาเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนที่เขาอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ตอนนี้อยู่อันดับสี่ ต้องยอมรับว่าบริหารไม่ถูกใจคน ดังนั้นเป็นลบกว่าเดิมอยู่แล้ว แต่พลิกเกมได้ไหม ยังมี 250 ส.ว. ทำให้ 3 ป. มั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นรัฐบาลแน่ แม้เราจะไม่ได้มั่นใจตามเขา อย่างไรก็ตาม ดูแล้วเขามั่นใจจาก 250 ส.ว.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าครั้งหน้าพลังประชารัฐได้ ส.ส. ไม่ถึง 100 คน จะกล้าต้านกระแสพรรคอื่นไปจับกับ ส.ว. จริงหรือ
สุขุมกล่าวว่า ต่อให้พลังประชารัฐได้ ส.ส. 60 คน ยังกล้าจับกับ 250 ส.ว. เลย เพราะนับแล้วเป็น 310 เสียง ส่วนการออกกฎหมายไม่มีปัญหา เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อได้รับเสียงโหวตเป็นนายกฯ ก็จะมีคนตามมา เพราะพรรคการเมืองบ้านเราส่วนใหญ่อยากเป็นรัฐบาลมากกว่าอยากเป็นฝ่ายค้าน พูดง่ายๆ ว่า ถ้ามาน้อยก็กลับไปตกปลาในอ่าง มีคนพร้อมมาร่วมเป็นรัฐบาลเยอะ
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หาก พล.อ. ประยุทธ์อยู่ครบเทอม ไม่ยุบสภา เชื่อว่ากระแสจะยิ่งตกหรือไม่
สุขุมกล่าวว่า เชื่อเช่นนั้นว่ากระแส พล.อ. ประยุทธ์จะตก แต่นั่นเฉพาะกระแส ยังไม่รวมถึงกระสุน เพราะชัยชนะในการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่กระแสอย่างเดียว แต่มีเรื่องกระสุนด้วย
รวมๆ แล้วเรียกว่ากระสุน ไม่ว่าจะการได้มาในลักษณะบ้านใหญ่ ลักษณะแนวร่วม หรือกลุ่มสนับสนุน
ส่วนกระแสก็อีกเรื่อง แต่ต้องมีทั้ง 2 อย่าง กระแสและกระสุน จึงจะชนะการเลือกตั้ง อย่าไปมองกระแสอย่างเดียว
สุขุมกล่าวว่า สำหรับโอกาสที่ พล.อ. ประยุทธ์จะไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้หากทางพรรคพลังประชารัฐไม่ยอมให้ พล.อ. ประวิตร อ่อนข้อให้ พล.อ. ประยุทธ์
“ผมดูแล้วในที่สุดบิ๊กป้อมต้องกลืนเลือด เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ จะไปรวมไทยสร้างชาติแน่นอนถ้าพลังประชารัฐเสนอแคนดิเดตนายกฯ 2 ชื่อ แต่สุดท้ายเขาจะยอมกัน เพราะพี่ก็ยอมน้องมาหลายเที่ยวแล้ว ยอมอีกเที่ยวจะเป็นไรไป เที่ยวสำคัญด้วย สองพี่น้องตกลงกันได้ แต่กองหลังของแต่ละกลุ่มที่ระแวงอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มข้าราชการระแวงพวกนั้น (นักการเมือง) จะขี่บิ๊กป้อมมาขี่เขาอีกที กรณีแค่จะเปลี่ยนรัฐมนตรีมหาดไทย เขาก็รู้สึกว่าฝ่ายนักการเมืองไปล่วงล้ำอำมาตยาแล้ว” สุขุมกล่าว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่สามารถต่อรองกันระหว่าง 2 ป.
สุขุมกล่าวว่า อาจจะต่อรองกันว่าเมื่อยอมกันได้แล้วต้องสัญญาเรื่องความลงตัวแต่ละกระทรวง เพราะคราวที่แล้วพลังประชารัฐแม้เป็นพรรคหลักก็ไม่มีโอกาสเลือกกระทรวง ทั้งที่อยากได้กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ แต่ไปต่อรองไม่ได้ เพราะ 3 ป. ตกลงกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ไปแล้วตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง คราวนี้อาจจะให้สัญญาว่าอย่างน้อยพลังประชารัฐจะได้ 3 กระทรวงสำคัญ
ส่วนข่าวพลังประชารัฐกับเพื่อไทย เชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ตอนนี้คงยังไม่ใช่ เพราะอย่าลืมว่ากลุ่มที่อยู่หลัง 250 ส.ว. เขาไม่เอาพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า มีแนวโน้มจะไปพรรคไหน
สุขุมกล่าวว่า ต่อให้ถาม ร.อ. ธรรมนัสเองตอนนี้ตัว ร.อ. ธรรมนัสเองก็ยังตอบไม่ได้ เพราะถ้าชัดเจนคงมีรูปถ่ายการไปต่างประเทศออกมาแล้ว