วันนี้ (17 พฤษภาคม) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ขณะถูกคุมขังและรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา
กัณวีร์ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกำลังถูกจับตาจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในกระบวนการยุติธรรมและสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ผ่านมา 3 วันแล้ว กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อการเสียชีวิตของเนติพรให้สิ้นข้อสงสัย ทั้งสาเหตุการเสียชีวิตและขั้นตอนการช่วยชีวิต จนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
“สิ่งที่ควรพูดและย้ำให้มากในเวลานี้คือการถามหาความรับผิดชอบต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขัง ความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้ถูกคุมขังในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ยังมีข้อสงสัยต่อขั้นตอนการช่วยชีวิต ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ และมีอุปกรณ์เพียงพอหรือไม่ ทำไมใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต้องชี้แจงกับประชาชน”
กัณวีร์เรียกร้องไปยัง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องสร้างความโปร่งใสให้กับประชาชนว่า มีมาตรฐานการปฏิบัติกับผู้ถูกคุมขังที่เป็นผู้ป่วยที่อดอาหารมา 110 วัน ได้ถูกหลักมาตรฐานและไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“คนตายทั้งคน ไม่ว่าเขาจะถูกคุมขังด้วยคดีใดก็ไม่ควรต้องมาเสียชีวิต หากได้รับการดูแลรักษาอย่างดี และบุ้งก็ยังไม่ใช่นักโทษเด็ดขาด เธอยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เธอต้องมาตายก่อนจะได้รับความยุติธรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องรีบดำเนินการแยกนักโทษเด็ดขาดหรือคดีที่ศาลตัดสินแล้วและผู้ที่รอการพิจารณาคดีออกจากกันโดยเร็ว เนื่องจากการดูแลและอิสรภาพของทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกันอย่างมาก”
กัณวีร์กล่าวว่า หากรัฐบาลยังชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้ก็ยิ่งตอกย้ำในข้อเรียกร้องของเนติพรว่า ไทยไม่ควรได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเสนอตัวหรือขอคะแนนจากประเทศต่างๆ เพราะไทยไม่มีคุณสมบัติใดๆ เลย
“ถ้ายังชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้ ถอนตัวไปเถอะครับ อย่าดันทุรังที่จะเสนอตัวเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติให้ต่างชาติเขาหัวเราะเยาะเลยครับ อย่างที่ผมเคยให้ความเห็นไปหลายครั้งว่า ไทยยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีการขังลืมชาวอุยกูร์ในห้องกัก ตม. 10 ปี กรณีชาวโรฮิงญาและคดีทางการเมืองที่ถูกจับตาอยู่แล้ว”
กัณวีร์กล่าวย้ำว่า รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ละเลยต่อชีวิตมนุษย์ และกระบวนการยุติธรรมไทยต้องคุ้มครองชีวิต สิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน และต้องไม่ลืม 3 ข้อเรียกร้องของเนติพรที่ใช้ร่างกายอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม คืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองและคดีมาตรา 112 ซึ่ง 2 ข้อนี้ยังต้องเรียกร้องกันต่อไป แต่ที่เกิดขึ้นจริงแน่นอนถ้ายังไม่ทำอะไรคือข้อสุดท้าย ที่เนติพรเรียกร้องว่าไทยไม่ควรเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ คงเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน
“สุดท้ายผมขอแสดงความเสียใจกับน้องบุ้งและครอบครัว เธอยังเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความฝัน ต้องมีโอกาสที่จะมีชีวิตเหมือนทุกๆ คน และไม่ควรจะต้องมาเสียชีวิตเพราะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และไม่ควรต้องมาเสียชีวิตในขณะที่ยังไม่มีการพิพากษาตัดสินว่าเธอกระทำผิด” กัณวีร์กล่าวย้ำ
