ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 13 รายต่อศาลแพ่ง หลังตรวจสอบพบการกระทำความผิด สร้างราคา 5 หุ้น ปรับเงินกว่า 25 ล้านบาท พร้อมสั่งห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 13 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI, บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC, บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN, บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD และบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) หรือ RP เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุด โดยเรียกให้ชำระเงินรวม 25,374,681 บาท พร้อมดอกเบี้ย กำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร (แล้วแต่กรณี)
ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ก่อนหน้านี้ได้มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดรวม 14 ราย ในกรณีสร้างราคาหุ้นของหุ้นจำนวน 5 บริษัทดังกล่าว โดยกำหนดให้ชำระเงินรวม 27,398,667 บาท (ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด) และกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นระยะเวลารายละ 14 เดือน หรือ 30 เดือน (แล้วแต่กรณี) และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นระยะเวลารายละ 28 เดือน หรือ 60 เดือน (แล้วแต่กรณี)
ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิด 1 ราย ได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ส่วนผู้กระทำความผิดอีก 13 ราย ได้แก่
- ขจรเกียรติ อึ้งอร่าม
- พรทิพย์ เมธีเจริญวงศ์
- ทัศนีย์ แย้มประดิษฐ
- มุทิตา เอกะวิภาต
- ขณิษากาญจน์ โชคสหพิพัฒน์ (ชื่อเดิม วริศรา ชัยเจริญปัญญา)
- เมธาสิทธิ์ มั่นชาวนา
- วริยา เข็มทองประดิษฐ์
- ธนพล เข็มทองประดิษฐ์
- อัจฉรา สุวิเดชโกศล
- พจนา พิเศษโภค
- สิทธาปวีร์ ชวรางกูร
- อชิรญา เกียรติทยากร (ชื่อเดิม กัญปอร เกียรติทยากร)
- เมวิกา ดีศรี
ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ซึ่งพิจารณาได้ว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 13 ราย ไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต.
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดทั้ง 13 รายดังกล่าวต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ชำระเงินรวมทั้งสิ้น 25,374,681 บาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 13 รายซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ตามแต่ละหุ้นที่สร้างราคาในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
อนึ่ง ก.ล.ต. ได้นำส่งการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542