วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความห่วงใยผ่านรายการ ‘คุยกันหน่อย’ ในเฟซบุ๊กทางการ หลังจากได้ฟัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทยในหัวข้อ ‘IGNITE THAILAND’ เห็นว่านายกฯ พยายามเสนอวิธีแก้ปัญหาหลายๆ ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคไทยสร้างไทยก็เห็นด้วย และจะสนับสนุนในหลายประเด็น แต่ที่นายกฯ พูดเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่ปลายเหตุ ซึ่งเรายังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย เพราะนายกฯ ไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาโครงสร้างหลักๆ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการฉุดรั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตช้า โตต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ และไม่สร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ไทยสร้างไทยขอเสนอ 5 แผนงานในการแก้โครงสร้างสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตช้าและโตต่ำ ได้แก่
- การพัฒนาศักยภาพคนไทยให้ทันวิทยาการของโลกใหม่ เริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ การวิจัยพบว่า เด็กไทยตั้งแต่แรกเกิดจะมี IQ ใกล้เคียงกับเด็กทั่วโลก แต่หลังจาก 6 ขวบ IQ ของเด็กไทยจะน้อยกว่ามาตรฐานสากลอยู่ 1.8% สาเหตุสำคัญคือเด็กไทยไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอ
นอกจากนั้นต้องมีการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาใหม่ทั้งหมด การสอนที่ให้เด็กท่องจำไปแข่งกับ AI เราต้องสอนเด็กไทยให้เป็นผู้ควบคุมและใช้ AI ให้เป็น
ต้องลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาด้วยการใช้เทคโนโลยี ใช้ครูที่เก่งในวิชานั้นๆ ให้สอนออนไลน์จากกรุงเทพฯ ไปถึงยอดดอยได้ อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงริเริ่มไว้
- การแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงวัย ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีผู้สูงวัยเต็มขั้น และจะเป็นประเทศสูงวัยขั้นสุดยอดในปี 2030 หรือมีผู้สูงวัยถึง 28% ของประชากร สถานการณ์ของผู้สูงอายุไทยมีลักษณะ ‘แก่ จน เจ็บ’ คือสังคมผู้สูงอายุที่มีแต่โรค สุขภาพไม่แข็งแรง ไม่มีเงินและสวัสดิการยามแก่ชราอย่างเพียงพอต่อการยังชีพ จึงทำให้กำลังซื้อของผู้สูงอายุไทยลดลง พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอบำนาญประชาชน 3,000 บาทเพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัย โดยเงิน 3,000 บาทจะให้พร้อมหน้าที่ โดยเฉพาะการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กลับมาทำงานได้ สร้างรายได้ ไม่เป็นภาระลูกหลาน และจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้ประเทศ
- การลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยคนตัวเล็กให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อใช้เป็นทุนในการตั้งตัว ไทยสร้างไทยจึงเสนอให้รัฐบาล ‘แจกเครดิต’ ให้ประชาชน วงเงินตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท แทนการ ‘แจกเงินดิจิทัล’ ที่ไม่ใช่เงินสด ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงชั่ววูบ แต่ต้องทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องใช้หนี้มหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท ช่วยให้คนตัวเล็กได้เข้าถึงความรู้และเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ และหาช่องทางการตลาดให้
- การแก้กฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่กดทับโอกาสในการทำมาหากินของคนไทย และเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้คนถูกเจ้าหน้าที่รีดไถ
- มหันตภัย ‘โลกร้อน’ Climate Change เป็นวิกฤตที่กระทบคนตัวเล็กหนักที่สุด รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง แต่ในการแถลงล่าสุดกลับไม่พูดถึง โดยปัญหาดังกล่าวกำลังส่งผลร้ายต่อชีวิตและเศรษฐกิจของคนตัวเล็ก โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้งรุนแรงซ้ำซาก ทำให้หนี้สินเกษตรกรกว่า 8 ล้านครัวเรือนเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น SMEs กว่า 3 ล้านรายที่จ้างงานกว่า 15 ล้านคน และยังอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทใหญ่กว่า 2,000 ราย นายกฯ ยังไม่เคยพูดถึงแผนสนับสนุนให้ SMEs เหล่านี้พร้อมรับมือกับ Carbon Tax ที่กำลังจะถูกนำมาใช้เร็วๆ นี้เลย