แม้เศรษฐกิจในประเทศจีนจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า จีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก เนื่องด้วยจำนวนประชากรกว่าพันล้านคน เป็นกำลังซื้อเบอร์ 1 ของโลก ที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
หากเทียบกับไทย เรียกได้ว่าเติบโตถึง 8 เท่าของเศรษฐกิจประเทศไทย และปัจจุบันจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย
ท่ามกลางยุคที่เปลี่ยน ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) อาจทำให้จีนหาช่องทางในการกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง
ช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจ สร้างเครือข่ายเพื่อทลายกำแพงสู่ตลาดจีน ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการโปรโมตสินค้าเพื่อรองรับจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในจีนต้องรู้มิติวัฒนธรรม แนวคิด และพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนช่องทางอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง
การจะเข้าสู่ตลาดจีนนั้นไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากหากไปถูกทาง ทุกธุรกิจจะสำเร็จได้ต้องเรียนรู้และลงมือทำจริง ซึ่งจีน-ไทยไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอยู่ตลอด นี่คือด่านแรก แต่วันนี้ไม่ใช่แค่เราจะพาสินค้าไทยไปตีตลาดจีน จะทำอย่างไรให้คนจีนหันมาสนใจสินค้าไทยในไทยด้วย แบบที่ว่าบินมาไทยต้องเช็กอินร้านนี้ ต้องซื้อแบรนด์ไทยติดไม้ติดมือกลับไป
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานหลักสูตร ‘China Business Leader’ หรือ CBL ที่จัดโดย Future Fundamental Institute of Thailand กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ก่อนที่จะเข้าสู่การสัมภาษณ์พิเศษถึงที่มาที่ไปของหลักสูตร แนวคิด มุมมองการขยายเครือข่ายการค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจพิชิตตลาดจีน
โดยมี ผศ.ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร และ ผศ.ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว เป็นรองผู้อำนวยการหลักสูตร
ทำความรู้จักหลักสูตร ‘China Business Leader’
คุณหญิงสุดารัตน์ฉายภาพถึงที่มาของหลักสูตร ‘China Business Leader’ ว่า เป็นหลักสูตรที่อยากจะติดอาวุธ ติดปีกให้กับผู้ประกอบการ ‘คนรุ่นใหม่’ ของไทยโดยเฉพาะ และผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มองเห็นศักยภาพของตลาดจีนที่มีประชากรกว่าพันล้านคนและมีกำลังซื้อสูง เป็นโอกาสขยายธุรกิจ
ซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากหลักสูตรที่อื่นๆ คือ ไม่ใช่เฉพาะเราจะเอาสินค้าไทยไปบุกจีนเท่านั้น แต่ที่สำคัญยังมีสินค้าหรือธุรกิจในไทยที่สามารถทำให้เป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่คนจีน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม หรือว่าคุณจะผลิตสินค้าอะไรก็แล้วแต่ที่อยากให้คนจีนที่มาเมืองไทยมาต่อแถวอุดหนุน มาเช็กอินแบบห้ามพลาด!
ซึ่งเราจะมีวิทยากรมาสอนเทคนิค มีการแลกเปลี่ยนแหล่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการรู้ว่าจะประสานงานอย่างไร อีกทั้งทำความรู้จัก KOL (Key Opinion Leader) หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา นั่นคือผู้ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นคนเก่งๆ ในแต่ละด้านที่ตรงกับธุรกิจมาเป็นผู้บรรยาย
“เพราะโดยนิสัยใจคอคนจีนจะแพลนล่วงหน้าในการเดินทาง และการเดินทางของคนจีนยุคนี้ไม่ใช่ลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว แต่จะเป็นรูปแบบใหม่คือ เดินทางมาเอง หนุ่มสาวจีนยุคใหม่จะทำการบ้านมาล่วงหน้า ไปตามที่ที่มีชื่อเสียง ที่เที่ยว กิน ซื้อของ ที่พักตามรอยอินฟลูเอ็นเซอร์” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
การพาสินค้าไทยไปจีนไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
โดยหลักการ หลักสูตรนี้จะบอกเคล็ดลับ กลยุทธ์ทั้งสองแนวทาง ทั้งพาสินค้าไทยไปบุกตลาดจีน และคนที่อาจจะยังไม่ได้อยากเข้าตลาดจีนแต่มีธุรกิจในไทยที่ต้องการให้เป็นที่รู้จัก
โดยผู้อบรมจะได้เรียนรู้ 4 กลยุทธ์หลักๆ ดังนี้
- ข้อแรก การที่จะเข้าไปตลาดจีนได้ก็ต้องเรียนรู้พฤติกรรมการบริโภคในตลาดจีนให้รู้จักก่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งสองทาง ทั้งสินค้าที่จะไปบุกจีน และตลาดในไทยเองที่อยากให้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทย มาทำความรู้จักและอุดหนุนสินค้า บอกต่อ ในส่วนนี้เราจะสอนให้รู้ว่าคนจีนมีมายด์เซ็ตอย่างไร และนิยมบริโภคสินค้าอะไร ช่องทางติดตามมีช่องทางไหนบ้าง และจะทำอย่างไรให้ประทับใจ วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือ กลยุทธ์การไว้วางใจ ตลอดจนตัดสินใจซื้อสินค้าไทย การให้บริการสินค้าไทย
เพราะไทย-จีนไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอยู่ตลอด นี่คือด่านแรก จะทำอย่างไรให้รู้จักนิสัยใจคอ รสนิยม ให้คนจีนหันมาสนใจสินค้าไทยได้
- ถัดมาคือวิธีการ PR สินค้าไทยในจีนว่า ช่องทางไหนที่จะสามารถใช้ Affiliate Marketing (ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งใช้วิธีการโปรโมตสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์) ที่ดีที่สุด ทั้งสองกลุ่มเป้าหมาย (Target) ไทยไปจีน และจีนมาไทย จะเป็นช่องทางไหนบ้าง และแต่ละเซ็กเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งการบริการสินค้าบางรายการ เราจะมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนและผู้เชี่ยวชาญจากไทยที่ทำ Online Marketing เชิงเทคนิค และรู้จัก KOL ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆ ทำให้สินค้าและบริการของเราเป็นที่รู้จักในหมู่คนจีน เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวต้องแวะอุดหนุนเช็กอินที่ร้านของเรา
ในแต่ละช่องคนจีนจะฟอลโลว์หลายๆ ล้านคน เราจะแบ่งกลุ่มเพื่อเจาะให้ตรงสาย เช่น สายกิน สายช้อป สายท่องเที่ยว โดยเรียนรู้ช่องทางแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ผู้อบรมได้รู้จักกัน
- สำหรับสินค้าไทยที่จะไปจีน เราจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำกฎระเบียบสินค้า การส่งออกว่ามีอะไรบ้าง อะไรที่จีนห้าม อะไรที่อนุญาต การขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าในจีนต้องทำอย่างไร จะมีคนคอยแนะนำและมีผู้บริการให้ รวมถึงการตั้งชื่อร้านให้สามารถเรียกได้ง่ายๆ ซึ่งคนจีนจะไปดูอีกว่าอะไรที่สามารถเรียกได้ง่ายๆ ภายในหลักสูตรจะมีการสอนเทคนิคการตั้งชื่อร้านให้ถูกที่ถูกทาง ถ้าเราทำการค้าตรงไปตรงมาจะไปได้ดีมาก เพราะประเทศจีนเป็นตลาดกว้างมาก เพียงแต่เราต้องเข้าช่องให้ถูกเท่านั้นเอง
- สุดท้ายเราจะทำ Business Matching ให้ ซึ่งผู้อบรมที่มาเรียนในหลักสูตรนี้จะแบ่งกลุ่มรายสินค้า และจะทำความรู้จักกับนักธุรกิจจีนที่จะมาไทย และเราจะพานักธุรกิจไทยไปดูงานที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว เช่น ไปดูสินค้าอุปโภคบริโภค ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ๆ แล้วมาเจอกัน Matching กัน และนำเอาสินค้าไปดูเลยว่าอย่างนี้สามารถเข้าจีนได้หรือไม่ ถ้าเข้าได้ ขายได้ การขออนุญาตขั้นตอนที่เหลือ เดี๋ยวมาว่ากัน เราจะช่วยเทรน
Business Matching บินดูงานจริงที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว
โดยตลาดที่จะ Business Matching นั้นจะไปที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว และจะพาผู้อบรมพบนักธุรกิจจีนที่นำเข้าสินค้าไทย รวมถึง KOL ชื่อดังของจีน จะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายได้จริงและเข้าถึง KOL ได้จริง แบบที่ว่า
แม้เราจะไม่เอาสินค้าไป แต่จะทำอย่างไรให้คนจีนรู้จัก เมื่อมาเที่ยวแล้วต้องมาที่ร้านเรา เช่น คาเฟ่ของเราเด็ดมาก จะทำอย่างไรให้เขาเข้ามา ทำให้เขาขายได้จริงๆ และจะมีการเวิร์กช็อปไลฟ์ขายเลยว่า ถ้าไลฟ์แบบนี้คนจีนชอบหรือไม่ชอบ มีออร์เดอร์สินค้าไทยจริงๆ
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ 2 ช่อง แต่เป็น 3 ช่องทาง เหมาะกับ
- การนำสินค้าไทยไปขายในจีน
- นักธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการในไทยที่อยากทำให้คนจีนรู้จักและมาอุดหนุน มาเช็กอินที่ร้าน
- ขายทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มจีน
“ตอนนี้จีนมาตีตลาดไทย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะนำสินค้าไทยไปวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Tencent, Taobao, Tmall จะทำให้สินค้าเรามีหน้าร้านที่นั่นด้วย”
ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนคือ ผู้ที่ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว หรือเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ เริ่มมีโปรดักต์ เช่น มีคนสนใจการทำโปรดักต์แปรรูปทุเรียนให้เป็นผลิตภัณฑ์ และเชื่อว่าคนจีนจะชอบ
หลักสูตรนี้จะสอนครบเลยว่า อยากส่งสินค้าไปขายตรง อยากขายออนไลน์โดย Base อยู่ที่นี่ หรือฉันไม่ไปจีนเลย แต่ฉันอยากให้คนจีนมาซื้อของที่นี่ ที่ร้านฉัน มาที่โรงแรมของฉัน มานวดที่ร้านของฉัน เรียนหลักสูตรนี้จะทำให้ฝันของคุณเป็นจริง
เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ เน้นสร้างแต้มต่อคุณภาพ ไม่แข่งขันด้านราคา
เราจับเซ็กเตอร์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะเราจะใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก ต้องบอกว่าคนจีนปัจจุบันนี้ สภาพเศรษฐกิจดีขึ้นมากหากเทียบจากหลายสิบปีก่อน ดังนั้นคนจีนจะบริโภคล้อไปตามเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกเช่นกัน
เช่น สินค้าที่ดีต่อสุขภาพ สินค้าที่มีคุณภาพ แม้ราคาอาจจะสูง แต่หนุ่มสาวจีนรุ่นใหม่พร้อมที่จะจ่าย ถ้าเป็นตลาดจีนแบบเก่าอาจจะต้องไปแข่งขันเรื่องราคา ซึ่งเราคิดว่า หากแข่งขันเรื่องราคา เราสู้จีนไม่ได้
ดังนั้นสินค้าไทยจึงเป็นที่นิยม เพราะได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ เขายอมจ่ายแพงขึ้นมาเพื่อให้ได้สินค้าไทยที่มีคุณภาพ ทั้งเรื่องอุปโภค บริโภค เครื่องสำอาง การบริการ ดังนั้นเราจับตลาดนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมของเราต้องไปแข่งกันเรื่องราคา
หลักสูตรนี้จึงเน้นไปที่การอยากให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดคุณภาพ เพราะคนจีนรุ่นใหม่มองเรื่องคุณภาพ สุขภาพ และใช้สื่อออนไลน์ เชื่อถือในอินฟลูเอ็นเซอร์ ซึ่งผู้ที่เราจะแนะนำให้แต่ละคนนั้นล้วนมียอดผู้ติดตามหลายสิบล้านคนทั้งหมดเลย
เรียนรู้มิติสังคม วัฒนธรรม คอนเน็กชัน สำคัญมากกับการทำตลาดจีน?
เรื่องนี้สำคัญมากๆ เลย เพราะถ้าเราไม่รู้แนวคิดมิติสังคมและวัฒนธรรมของเมืองจีน เราก็ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจเขาได้ หรือในทางลบเลยอาจเป็นการตีกลับสินค้า ซึ่งอาจผิดหลักขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของจีน แม้แต่การตั้งชื่อ บางทีคนไทยไม่เข้าใจว่า ในความหมายของไทยอาจไม่มีนัยอะไร แต่เมื่อแปลเป็นภาษาจีนอาจเป็นชื่อที่ไม่เป็นมงคล
คนจีนชอบอะไรที่เป็นมงคล หลักสูตรนี้จะแนะนำการตั้งชื่อ และความคิด ความเชื่อ การใช้ภาษาคำพ้องอาจจะทำให้ตกม้าตายได้ง่ายๆ
วิทยากรสุดพิเศษ China Business Leader
ไฮไลต์และความพิเศษข้อแรกที่อยากให้ได้รับฟังคือ คลาสฟังบรรยายพิเศษสุด โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย H.E. Mr.Han Zhiqiang ที่จะมาบรรยายถึงสภาเศรษฐกิจจีน การค้าระหว่างไทยและจีน
รวมถึง วิบูลย์ คูสกุล อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดจีน รู้จักตลาดจีนมานานหลายปี จะมาเล่าภาพรวมตลาดจีนให้ฟัง รวมไปถึงอาจารย์หลายท่านที่เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญที่รู้ภาพรวมตลาดจีนทั้งหมด
สัปดาห์แรกๆ ผู้อบรมจะเริ่มเรียนรู้ตลาดจีนปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร จากนั้นจะแบ่งกลุ่มรายสินค้าของผู้ที่เข้าอบรมว่าเป็นอย่างไรบ้าง สนใจจะส่งไปจีนหรือไม่อย่างไร หรือจะขายออนไลน์ในจีน หรือไม่ไปจีนแต่ให้จีนมาอุดหนุนที่นี่ แล้วเราจะพาผู้เชี่ยวชาญมาสอนแต่ละด้าน
MISTINE ตีตลาดจีนสำเร็จได้อย่างไร ทำไมแบรนด์เครื่องสำอางไทยถึงชนะใจคนจีน
คลาสถัดมาน่าสนใจอย่างมาก เพราะจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ประกอบการตัวจริงที่นำสินค้าไทยไปบุกตลาดจีนจนสำเร็จมาแล้ว เช่น ดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร MISTINE จะมาบรรยายถึงประสบการณ์ตรง เทคนิค แนวคิด การทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในจีนจะเป็นช่องทางไหน และจะพาไปดูสำนักงานและโรงงานของจริงที่ตั้งอยู่มณฑลหางโจว ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก มีพนักงาน 400-500 คน สามารถทำยอดขายสูงมาก และเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ชนะใจคนจีนสำเร็จ
รวมไปถึง อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ ต๊อบ แบรนด์เถ้าแก่น้อย,พงศกร พงษ์ศักดิ์ แบรนด์น้ำมะพร้าว IF และ กันต์ กุลปิยะวาจา แบรนด์ชบา ซึ่งการจะทำให้แบรนด์ไทยประสบความสำเร็จเร็วไวนั้นไม่ง่าย แต่ทำไมแบรนด์ไทยเหล่านี้สามารถตีตลาดจีนสำเร็จ
โดยวิทยากรเจ้าของธุรกิจเหล่านี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ทั้งกลยุทธ์การเจาะตลาด เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ทำอย่างไรให้ถูกใจ ช่องทางการประชาสัมพันธ์ทางไหน ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทางไหนดีที่สุด ผู้เรียนจะได้ชั่งใจหรือตัดสินใจได้ว่า สินค้าเราควรจะไปในช่องทางไหน และสินค้าในไทยเขาใช้ทีเด็ดอะไรที่ทำให้คนจีนมาต่อคิว
กลยุทธ์การใช้ Social Media จะทำอย่างไรให้คนจีนบินมาแล้วต้องซื้อแบรนด์ไทย
ช่วงกลางคลาสเราจะพาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงที่ดูแล Consumer Product (สินค้าอุปโภคบริโภค) ที่เรียกว่าเป็นเจ้าใหญ่ในไทยที่เก่งการประชาสัมพันธ์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่า ถ้าจะนำไปขายและทำให้เขามาซื้อจะทำอย่างไร
อย่างเช่นแบรนด์ชุดชั้นในในไทย เมื่อมีการทำตลาดที่ถูกต้อง กลายเป็นอีกแบรนด์ที่มาตีตลาด คนจีนก็บินมาเพื่อซื้อแบรนด์นี้ในไทย
เหมือนยุคหนึ่งที่คนจีนบินมาซื้อหมอนยางพารา ทุกคนต้องซื้อกลับไป ซึ่งในยุคนี้มีความหลากหลายมากขึ้น เดี๋ยวนี้ตลาดกลางมีการแข่งขันหลายแบรนด์ แต่จะทำอย่างไรให้คนจีนบินมาไทยแล้วมาซื้อแบรนด์นี้ อาหารต้องมาซื้อที่นี่ โรงแรมนี้ต้องมาพักให้ได้
ท้ายสุดคือหัวข้อ ‘กลยุทธ์การนำสินค้าไทยบุกตลาดจีน’ หลักสูตรนี้เจาะไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน เช่น บุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปันได้ จำกัด, ดร.ปณิชา ประทีปะวณิช หรือ ดร.เฟิร์น ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ Social Media China, สุภัททกิต เจตทวีกิจ หรือ ทีน่า CFA กรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า และเจ้าของเพจ Made in Tena และ เมืองภูมิ หาญสิริเพชร หรือ Han Bing พิธีกรไทยที่โด่งดังในประเทศจีน
นอกจากนี้ยังมีค่ำคืนพิเศษที่จะเวิร์กช็อปนำสินค้าไทยไปขายในจีน ซึ่งมีหลายรายมากที่พร้อมจะมาแชร์ประสบการณ์ โดยแต่ละรายมียอดขายหลายล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ‘ขายจริง ดัง ปัง รวย’ กับ สุวัฒน์ รักทองสุข CEO บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เลิศ (หางโจว) ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด และเลขานุการสมาคมการค้าส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน และเอเชียอาคเนย์
พลาดไม่ได้กับ ‘เฮียวิทย์’ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน พิธีกรชื่อดังและผู้ดำเนินรายการ Morning Wealth ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ในตลาดจีนแบบครบวงจร
ไฮไลต์สำคัญของหลักสูตรคือ โปรแกรมดูงานที่เซี่ยงไฮ้-หางโจว พบคู่ค้า ผู้นำเข้าสินค้าไทยไปจีน ทั้งนี้ คลาสอบรมจะมีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป เริ่มวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน – วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567
ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการอบรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @chinabizleader หรือสมัครเข้าอบรมได้ที่ QR Code นี้