สองกลุ่มทหารซูดานได้ตกลงในหลักการที่จะหยุดยิงเป็นเวลา 7 วัน โดยจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม ถึงวันที่ 11 พฤษภาคมนี้
กระทรวงการต่างประเทศของเซาท์ซูดานซึ่งเสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ (2 พฤษภาคม) โดยระบุว่า ประธานาธิบดีซัลวา คีร์ แห่งเซาท์ซูดาน เน้นย้ำถึงความสำคัญของการหยุดยิงที่ยาวนานขึ้นกว่ารอบอื่นๆ ที่ผ่านมา ขณะกองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายของซูดานตกลงที่จะส่งผู้แทนมาร่วมเจรจากัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตกลงโดยหลักการที่จะหยุดยิงเป็นเวลา 7 วัน แต่ก็ไม่แน่นอนว่ากองทัพซูดานและกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) จะยอมยุติการสู้รบในประเทศจริงหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอยู่บ่อยครั้ง
ฮิบา มอร์แกน ผู้สื่อข่าวของ Al Jazeera ระบุว่า ก่อนหน้านี้สองกลุ่มทหารซูดานได้ตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 3 วันประมาณ 3 ครั้ง แต่ก็ยังเห็นการปะทะเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในกรุงคาร์ทูมที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากสมรภูมิรบ ส่วนข้อตกลงรอบล่าสุดนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะหยุดยิงเป็นเวลา 7 วัน และจะไม่มีการสู้รบใดๆ ยกเว้นกรณีที่ถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายก่อน หรืออีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหวทางทหารเกิดขึ้น
ข้อมูลล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า สงครามที่เกิดขึ้นในซูดานได้บีบให้ประชาชนกว่า 100,000 คนต้องอพยพหนีตายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่สงครามซึ่งกินเวลายืดเยื้อมาสู่สัปดาห์ที่ 3 ได้ทำให้เกิดวิกฤตมนุษยธรรมในดินแดนแห่งนี้ โดยมีพลเมืองที่พลัดถิ่นในประเทศมากถึง 334,000 คนด้วยกัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 500 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 4,000 คน
แครีน ฌอง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยวานนี้ว่า หน่วยงานด้านมนุษยธรรมต้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในซูดาน ขณะที่เจ้าหน้าที่จาก UN ระบุว่า มาร์ติน กริฟฟิธส์ หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ ตั้งใจที่จะเดินทางเยือนซูดานในวันอังคาร แต่ยังต้องรอการยืนยันกำหนดการที่แน่ชัด
ด้านโครงการอาหารโลกของ UN กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางองค์กรได้กลับมาดำเนินงานในพื้นที่ปลอดภัยของซูดานแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องหยุดไปชั่วคราวเพราะเกิดเหตุปะทะรุนแรงจนมีเจ้าหน้าที่ขององค์กรเสียชีวิต โดยไมเคิล ดันฟอร์ด ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำแอฟริกาตะวันออกระบุว่า “ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แค่วิกฤตการณ์ในซูดาน แต่จะเป็นวิกฤตการณ์ในภูมิภาค”
แฟ้มภาพ: Omer Erdem / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
