Subway แบรนด์แซนด์วิชชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ประกาศปรับโฉมอัปเกรดเมนูและแอปฯ เดลิเวอรีใหม่ หวังเรียกความสนใจจากลูกค้าและกลุ่มแฟรนไชส์ให้กลับมาอีกครั้ง หลังยอดขายหลายปีมานี้ลดฮวบลงอย่างต่อเนื่อง
โดยร้าน Subway ทั่วโลก จะมีการเผยโฉมเมนูใหม่ที่มีการปรับปรุงวัตถุดิบใหม่หมดทุกส่วน เรียกได้ว่าจะเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของ Subway อีกครั้งเลยก็ว่าได้ โดยการปรับปรุงใหม่นี้หลักๆ จะเน้นไปที่การพัฒนาสูตรใหม่ของขนมปังอิตาเลียนและขนมปังมัลติเกรน (Multigrain Bread) รวมไปถึงท็อปปิ้ง (Topping) ใหม่ด้วย
ทั้งนี้ ร้านในเครือได้มีการปรับเมนูบางส่วนไปเเล้วบ้างเล็กน้อย เช่น จากเบคอนแบบเดิมก็ปรับให้เป็น Hickory Smoked (กลิ่นรมควันไม้ฮิกคอรี) หรือบรรดาแฮมไก่ก็มีการสไลด์ให้บางกว่าเดิม
เพื่อเป็นการเชิญชวนให้ลูกค้ามาลิ้มลองเมนูใหม่ วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ร้านในเครือกว่าพันแห่งจะมีการแจกแซนด์วิชฟรีกว่า 1 ล้านชิ้น ในเวลา 10 โมงเช้าถึงเที่ยงวัน ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ
พร้อมกันนี้ทางร้านยังได้ปรับปรุงโฉมหน้าแอปฯ สั่งอาหารของตัวเองและได้พาร์ทเนอร์ร่วมกับ DoorDash แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสั่งอาหารได้โดยตรงจากแอปฯ ของ Subway
จากข้อมูลของ Technomic บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาร้านอาหาร ระบุว่า ในสหรัฐอเมริกา ยอดขายของ Subway ลดลงจาก 12.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.9 เเสนล้านบาท ในปี 2013 (นับว่าเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของบริษัท) ไปอยู่ที่ 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.7 เเสนล้านบาท ในปี 2020
อย่างไรก็ดี เทรเวอร์ เฮย์เนส ประธาน Subway ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ออกมาตอบโต้ตัวเลขเหล่านี้ว่า Subway เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่เคยเปิดเผยตัวเลขยอดขายออกสู่สาธารณะ พร้อมยังเสริมอีกว่า ยอดขายเฉลี่ยของไตรมาสแรกปี 2021 นั้นจัดว่า ‘ไปได้สวย’ กว่าในปี 2019 เสียด้วยซ้ำ
ในมุมมองของผู้บริโภค Subway จัดอยู่ในร้านที่ราคาย่อมเยาและเมนูค่อนข้างดีต่อสุขภาพ ประมาณว่าพวกเขาสามารถเลือกกินผักและโปรตีนได้หลายชนิดแบบไม่ต้องลำบากกระเป๋าสตางค์
ซึ่งในแง่ของวงการธุรกิจ Subway ถือเป็นเจ้าแรกที่โดดเด่นเรื่องกลยุทธ์ Owned Customization ที่ลูกค้าสามารถเลือกปรับวัตถุดิบให้เป็นเมนูที่ต้องการได้เอง
ทว่าไม่กี่ปีให้หลังมานี้ Subway มีคู่เเข่งเกิดใหม่ในหมวด Fast Casual (ร้านอาหารประเภทเน้นความรวดเร็วและเน้นคุณภาพไปพร้อมกัน) ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าร้านอาหารสไตล์นี้ลูกค้าก็สามารถสร้างเมนูขึ้นมาตามความชอบของตัวเองได้เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ Subway อาจโดนคู่เเข่งที่ดุเดือดแย่งชิงตลาดในส่วนนี้ไป
หากในเเง่ของพฤติกรรมลูกค้า Subway แล้ว จอห์น ชิดเซย์ ซีอีโอของ Subway ได้เผยผลวิจัยของบริษัท พบว่า ลูกค้าอยากเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น และอยากรู้แหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ตัวเองบริโภคเข้าไปด้วย ซึ่งการที่ลูกค้าต้องการความเชื่อมั่นจากแบรนด์ขนาดนี้คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคดีความใหญ่โตเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังถูกยื่นฟ้องที่ศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในข้อหาหลอกลวงลูกค้าด้วยการระบุว่าอาหารบนเมนูที่มีทูน่าเป็นส่วนประกอบนั้นไม่มีปลาทูน่าอยู่จริง
โดยทางบริษัทก็ยืนยันว่า แซนด์วิชทูน่าของ Subway นั้นทำจากเนื้อทูน่าที่จับมา 100% และการร้องเรียนที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียนั้นไม่มีข้อกล่าวหาใดเลยที่เป็นความจริง โฆษกของ Subway กล่าว ซึ่งพวกเขาจะต่อสู้ในการฟ้องร้องครั้งนี้อย่างเต็มที่
อีกหนึ่งเป้าหมายของการปรับโฉมแบรนด์ครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นและเติมไฟให้กับกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์อีกครั้ง หลังมีข้อเรียกร้องจากแฟรนไชส์ซีให้เพิ่มเมนูใหม่และตำหนิการดำเนินงานที่ล้มเหลวของบริษัทเเม่ จากการที่ Subway อนุญาตให้มีการตั้งสาขาใหม่ในละเเวกใกล้เคียงกันและแจ้งปิดสาขาจากการฝ่าฝืนกฎเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมถึงกล่าวหาเรื่องค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) ที่สูงเกินจะรับได้
ซีอีโอ Subway ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ถึงแม้จะยังมีคนที่ไม่พอใจหรือหมดหวังกับผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัท แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าการปรับตัวใหญ่ในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าและกระตุ้นยอดขายให้กับร้านแฟรนไชส์ได้อย่างเเน่นอน
ภาพ: Julian Stratenschulte/picture alliance via Getty Images
อ้างอิง: