วันนี้ (15 มกราคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2564 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข
ในวันนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนงานการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย โดยได้พิจารณาครอบคลุมทั้งด้านวิชาการ ด้านนโยบาย และด้านการบริหารจัดการ
นพ.โอภาส กล่าวว่า แผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้คือ ระยะที่วัคซีนมีจำกัดเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2564 ในกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับอันดับต้นคือ
- บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน
- ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ เป็นต้น ที่คัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด
ทั้งนี้การฉีดวัคซีนต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยยกเว้นการฉีดให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยรองรับ
ส่วนระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมีมากขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2564 กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 และจะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ รวมถึงพิจารณากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศขับเคลื่อนได้ตามปกติ และระยะ 3 ที่วัคซีนมีเพียงพอ ตั้งแต่มกราคม 2565 เป็นต้นไป จะเป็นกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชน
นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นวัคซีนชนิดใหม่ที่มีข้อมูลไม่มาก ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะที่ปรึกษาและคณะทำงาน 6 ชุด ได้แก่ คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน คณะทำงานด้านวิชาการ คณะทำงานด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและสื่อสารประชาสัมพันธ์ คณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผล คณะทำงานด้านการประกันคุณภาพวัคซีนและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับใน 4 สัปดาห์ หากการสอบสวนพบว่าการให้วัคซีนแล้วเกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง จะมีการหยุดฉีดวัคซีนทันที และคณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
“วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่สำคัญที่เรามีวันนี้ก็คือการใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ เว้นระยะห่าง ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังคงใส่หน้ากาก 100% วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่งจะช่วยเสริมทำให้ระบบป้องกันควบคุมโรคดีขึ้น” นพ.โอภาส กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า