นักศึกษาชุมนุมไล่รัฐบาล ‘ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน’ ขอหยุดอ้าง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ควบคุม-คุกคามประชาชน
กลุ่มนิสิตภายใต้ชื่อ มอกะเสด (KU Daily) จัดกิจกรรมชุมนุม ‘ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน’ ที่บริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากที่กลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย (สนท.) และกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้จัดกิจกรรมชุมนุมขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชนที่เห็นต่าง ยุบสภา และแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยบรรยากาศตลอดการชุมนุมยังคงมีฝนตกลงมาโปรยปรายตลอดเวลา แต่ก็มีนิสิต นักศึกษา และประชาชน หลากหลายช่วงอายุ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งนี้ แกนนำได้ประกาศขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเก็บภาพของผู้ชุมนุมให้หยุดการกระทำ เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ต่อมา พ.ต.อ. อรรถพล มีเสียง ผู้กำกับการ สน.บางเขน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้เข้าตรวจสอบความเรียบร้อยของการจัดกิจกรรม โดยได้กล่าวตักเตือนกลุ่มผู้จัดให้จัดกิจกรรมด้วยความระมัดระวังทั้งจากโรคโควิด-19 และจากบุคคลอื่นๆ พร้อมชี้แจงข้อกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้ยังคงอยู่ภายใต้กรอบของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ซึ่งผู้ชุมนุมก็ให้ความร่วมมือในการรับฟังเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.20 น. แกนนำได้เริ่มปราศรัย เริ่มจากนักศึกษาที่มีถิ่นฐานมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้พูดถึงการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ของรัฐบาล ว่าเป็นการอ้างความมั่นคง แต่ความจริงแล้วเป็นการใช้กฎหมายควบคุมประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายพิเศษที่ใช้กุมอำนาจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงตัวแทนผู้ใช้แรงงานที่กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนตกงาน และเรียกร้องความชอบธรรมจากรัฐบาล หยุดคุกคามประชาชน
ในการปราศรัยช่วงหนึ่ง แกนนำกล่าวถึงการออกมาชุมนุมเพื่อต้องการถามหาอนาคตของคนรุ่นตนเอง อยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา และการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ หากไม่ออกมา ประชาชนก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ภูมิใจและดีใจที่เห็นนักเรียน นักศึกษา ออกมาแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เพื่อจะบอกว่าเราจะไม่ทนกับเผด็จการอีกต่อไป จึงขอให้ผู้มีอำนาจรับฟังปัญหาของประชาชน และพวกเราไม่ใช่พวกชังชาติ แต่ชังรัฐบาล วันนี้เราอยากให้สื่อยืนเคียงข้างประชาชน เพราะที่ผ่านมาเราเจอการคุกคามแล้วก็ต้องออกมาช่วยปกป้องประชาชนที่โดนแบบนี้ทีละคน สังคมคาดหวังกับนักศึกษา แต่เราไม่รู้ว่าจบไปเราจะมีความหวังและอนาคตที่เราฝันหรือไม่ เราจึงต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ในครั้งนี้
การปราศรัยช่วงหนึ่งแกนนำได้ลงจากเวทีและเดินเข้าในวงล้อมการชุมนุม โดยเชิญชวนให้ผู้มาชุมนุมตะโกนร่วมกันว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”