วันนี้ (1 มีนาคม) ที่ด่านพรมแดนคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) กล่าวถึงการรับตัว 119 คนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา กลับมาประเทศไทย
พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า วันนี้จะมีการรับตัวคนไทย 119 คน แบ่งเป็นเยาวชน 4 คนผู้ใหญ่อีก 115 คน ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง-คัดแยก โดยทางการไทยจะมีการตรวจสอบว่าบุคคลใดมีหมายจับบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับที่ผู้เสียหายคนไทยแจ้งความไว้ก่อนหน้า
หากพบว่า 119 คนมีส่วนในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการขอศาลออกหมายจับทุกราย โดยมีการตั้งฐานความผิด ‘องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ’ ถือเป็นข้อหาที่รุนแรงมีโทษจำคุกเกิน 10 ปี
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ทางการกัมพูชาแถลงข่าวว่าทั้ง 119 คนไทยไปทำกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และการที่อยู่ในประเทศกัมพูชาไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญหรือทำร้ายร่างกายไปโดยสมัครใจ ข้อมูลนี้ก็จะเป็นข้อมูลประกอบให้ทางการไทย
แต่อย่างไรก็ตามทางประเทศไทยเองก็มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินการต่อ ผลสอบสวนของกัมพูชาเพียงจะทำให้เจ้าหน้าที่ไทยทำงานก็จะง่ายขึ้น
การจัดการ 119 คนไทยที่ทำผิด ตำรวจยืนยันว่าจะทำให้เป็นตัวอย่าง การที่คนไทยหลอกคนไทยต้องถูกดำเนินคดี เราไม่อยากเห็นภาพพี่คนไทยหลอกคนไทย หรือช่วยต่างชาติให้มาหลอกคนไทยแล้วกลับมาแสดงตัวว่าเป็นเหยื่อ
“ใครตกเป็นเหยื่อ เราก็ยินดีที่จะคัดแยกและช่วยเหลือ แต่คนที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราจะต้องไปดำเนินคดีที่หนักที่สุด” พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าว
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวต่อว่า ในการสอบสวนกลุ่ม 119 คนไทย เจ้าหน้าที่เชื่อว่าทุกคนมีการเตรียมตัวมาอย่างดี กลุ่มคนพวกนี้เคยทำงานเป็นสแกมเมอร์หลอกคนไทย การพูดให้ข้อมูลคงไม่ได้ตรงความเป็นจริง แต่เราจะใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเช้าทีมข่าวสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิ International Justice Mission Thailand ที่มาคอยสังเกตการณ์กระบวนการคัดกรองบุคคลตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM)