จากการแถลงข่าวเปิดตัว วิน พรหมแพทย์ เข้ามารับตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยมุมมองต่อโอกาสการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
วินมองว่า ทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะตลาดหุ้นน่าจะยังคงผันผวน หลังจากที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก จึงมีโอกาสจะปรับฐานจากข่าวเซอร์ไพรส์ เช่น การประกาศ QE Tapering หรือการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตามหากตลาดหุ้นปรับฐานลงมาจริงจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพิ่มเติม สำหรับหุ้นไทยเชื่อว่ามีโอกาสจะขยับไปแตะ 1,700 จุด ในช่วงไตรมาส 3 นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาดของโควิดในประเทศน่าจะถึงจุดพีกแล้ว
ส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ มองว่า ‘ยุโรป’ จะเป็นภูมิภาคที่น่าจะฟื้นได้เร็วหลังจากเร่งฉีดวัคซีน และเริ่มมีการเดินทางระหว่างกันภายในภูมิภาคมากขึ้น ขณะเดียวกันหากมองที่ราคาหุ้นยุโรปในปัจจุบัน ถือว่ายังค่อนข้าง Laggard โดยเฉพาะหากมอง Valuation เทียบกับหุ้นสหรัฐฯ
“หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจของยุโรปคือ ผู้ที่ทำอุปกรณ์ให้กับผู้ผลิตชิป จะเห็นว่าความต้องการชิปในปัจจุบันสูงมากจนถึงขั้นขาดแคลน ซึ่งผู้ที่ผลิตอุปกรณ์ในการผลิตชิปเหล่านี้ก็จะเติบโตตามผู้ผลิตชิปด้วยเช่นกัน”
สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในภาพรวม ปัจจุบันแนะนำลงทุนตราสารหนี้ 20-30% เพื่อเป็นส่วนสำรองเงิน และอีก 40-50% แนะนำลงทุนหุ้นไทยกับต่างประเทศอย่างละครึ่ง และส่วนที่เหลือ 20% แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อย่างกลุ่มกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งมีจุดเด่นจากอัตราเงินปันผลราว 5% และราคาของ REIT ส่วนมากยัง Laggard
ในแง่ของธุรกิจให้คำปรึกษาการลงทุนกับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ปัจจุบันธนาคารกรุงศรีมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้ราว 1.2 แสนราย โดยคาดหวังการเติบโตของลูกค้า 15% ต่อปี และคาดว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) จะเพิ่มขึ้นราว 10% ต่อปี หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาทต่อปี
โดยบริษัทจะเน้นสร้างความร่วมมือกับทุกฝ่ายในเครือของธนาคาร เพื่อเข้าถึงลูกค้าและให้คำแนะนำการลงทุนกับลูกค้า พร้อมทั้งให้ความรู้ต่อเนื่องเกี่ยวกับการบริหารเงินเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้น ผ่านการกระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ ภายใต้ความเสี่ยงและความสนใจของลูกค้า
“การระบาดของโควิดรอบนี้อาจไม่กระทบต่อความมั่งคั่งของลูกค้าเท่าใดนัก เพราะลูกค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทางการเงินระดับหนึ่งแล้ว แต่ด้วยภาวะตลาดอาจจะกระทบต่อการลงทุนบ้าง แต่ในส่วนนี้แนะนำว่าหากตลาดผันผวนและอ่อนตัวลงให้ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน โดยเชื่อว่าตลาดยังไปต่อได้ในระยะยาว แต่ด้วยการฟื้นตัวที่เร็วมากตั้งแต่ปีก่อนเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ตลาดมีโอกาสปรับฐานได้”
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ