เกิดเหตุไม่คาดฝันในเกมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติเบลเยียมกับทีมชาติสวีเดน เมื่อเกมถูกยกเลิกการแข่งขันกลางคันในช่วงพักครึ่ง
สาเหตุเกิดจากการที่ทางการเบลเยียมสั่งยกระดับการเตือนการก่อการร้ายในกรุงบรัสเซลส์ไปสู่ระดับสูงสุด หลังจากที่ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มต้นแค่อึดใจได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญเมื่อผู้ก่อการร้ายหนึ่งรายไล่ยิงผู้คนกลางเมือง
มีแฟนฟุตบอลชาวสวีเดนเสียชีวิต 2 รายในเหตุสลดครั้งนี้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างไร และการที่ผู้ก่อการสังหารแฟนบอลชาวสวีเดนไป 2 รายจะมีส่วนกับเหตุการณ์ประท้วงเผาคัมภีร์อัลกุรอานในกรุงสตอกโฮล์มหรือไม่?
เสียงปืนสนั่นกลางบรัสเซลส์
เหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นใจกลางกรุงบรัสเซลส์ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 ตุลาคม) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทีมชาติเบลเยียมจะลงสนามพบกับทีมชาติสวีเดนในศึกฟุตบอล ‘ยูโร 2024’ รอบคัดเลือก
โดยมีชายในชุดเสื้อสีสะท้อนแสงถือปืนกลไล่ยิงผู้คนกลางเมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันในตอนนี้ 2 ราย ซึ่งเป็นชาวสวีเดนทั้งคู่ ก่อนจะขี่สกูตเตอร์หลบหนีเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างลอยนวล
เมื่อได้รับการแจ้งเหตุร้ายทางการเบลเยียมได้มีการสั่งการยกระดับการก่อการร้ายจากเดิมระดับ 2 เป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเร่งล่าหาตัวคนร้ายแต่ยังไม่พบ ในอีกทางได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ของบรัสเซลส์
ฟิลิปป์ โคลส นายกเทศมนตรีกรุงบรัสเซลส์ โพสต์ข้อความชี้แจงสถานการณ์ทาง X (Twitter) ว่า “จากเหตุยิงกันในกรุงบรัสเซลส์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคลื่อนกำลังพลเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยรอบเมืองหลวง โดยมีการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ส่วนตัวผมขณะนี้ประจำอยู่ศูนย์ควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อช่วยด้านการประสานงาน”
ทั้งนี้แม้จะมีการร้องขอจากศูนย์ควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินในการงดแชร์ภาพหรือวิดีโอของการก่อการร้ายรวมถึงภาพของผู้เสียชีวิต แต่บน X ได้มีผู้ที่บันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้
โดยเริ่มตั้งแต่ที่คนร้ายบรรจุกระสุนใส่ปืนที่เชื่อว่าเป็นปืนกล AK-47 ก่อนจะบุกเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งและใช้ปืนสังหารอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งยังมีคนบันทึกเหตุการณ์เพิ่มเติมโดยเป็นภาพของคนร้ายขี่สกูตเตอร์ลัดเลาะไปตามถนนและใช้ปืนยิงใส่ผู้คนรายทาง
มีการยืนยันผู้เสียชีวิตในเวลานี้จำนวน 2 ราย ท่ามกลางความกังวลว่าอาจมีจำนวนผู้โชคร้ายมากกว่านี้
คนร้ายคือใคร ชนวนเหตุจากอะไร?
สำหรับข้อมูลของผู้ก่อการร้ายยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
มีเพียงการรายงานที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ออกมาโดยสำนักข่าว Visegrád24 ระบุว่าผู้ก่อการร้ายเป็นชาวตูนิเซีย ขณะที่ NEXTA ระบุว่าชื่อ อับเดซาเล็ม ลาสซูอีด (Abbesalem Lassoued) ซึ่งเป็นชาวตูนิเซียที่หลบหนีมาอยู่ในเบลเยียมแบบผิดกฎหมาย และเคยมีประวัติการก่อการร้ายในตูนิเซีย
Visegrád24 ยังเปิดเผยต่อว่าผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นผู้ก่อการร้ายมีการโพสต์วิดีโอก่อนจะเกิดเหตุโดยอ้างว่าเป็นการกระทำในนามทหารของพระเจ้า พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อศาสนาและตายเพื่อศาสนา” และการกระทำในครั้งนี้เป็นการแก้แค้นให้แก่ชาวมุสลิม
ทั้งนี้การที่คนร้ายสังหารชาวสวีเดน 2 รายนั้นอาจเป็นความจงใจจากชนวนเหตุเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์การประท้วงต่อต้านศาสนาอิสลามและมีการวางแผนเผาคัมภีร์อัลกุรอานหน้าสถานทูตอิรัก ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีทางการเบลเยียมยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ แม้ว่าจะมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้หนึ่งรายแต่พบว่ายังไม่ใช่ผู้ก่อการตัวจริง
ข่าวเกี่ยวข้อง:
คำเตือนที่มาถึงก่อนเกมเริ่มไม่นาน
เหตุการณ์การกราดยิงใจกลางกรุงบรัสเซลส์ได้ส่งผลกระทบต่อไปถึงเกมฟุตบอลที่สนามคิงโบดวงสเตเดียมไปโดยปริยาย
โดยหลังจากที่เกมจบครึ่งแรกด้วยการเสมอกัน 1-1 ระหว่างเบลเยียมและสวีเดน ซึ่งทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก วิกเตอร์ เกียวเคเรส ก่อนที่ โรเมลู ลูกากู จะตีเสมอให้กับเจ้าบ้านได้สำเร็จ ได้มีการแจ้งข่าวไปยังทีมทั้งสองว่ามีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น
เพื่อความปลอดภัยทั้งสองทีมได้แจ้งต่อทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าว่าไม่ต้องการที่จะกลับมาทำการแข่งขันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลังทำให้เกมนี้ถูกยกเลิกทันที แต่แฟนฟุตบอลในสนามจำนวนถึงกว่า 35,000 คนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสนามเพื่อความปลอดภัย
ยานน์ แอนเดอร์สสัน โค้ชทีมชาติสวีเดนให้สัมภาษณ์หลังเกมยกเลิกว่า “ทีมเห็นตรงกันว่าเราไม่อยากจะลงเล่นต่อเพื่อเป็นการเคารพต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวของเขา”
โดยทางการเบลเยียมได้ขอให้แฟนบอลทั้งสองทีมยังอยู่ในสนามและรอการแจ้งข่าวสาร รวมถึงขั้นตอนของการเดินทางออกจากสนามในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่แฟนบอลสวีเดนมีการถอดเสื้อหรือสิ่งที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับสวีเดนเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่แฟนบอลสวีเดนออกจากสนาม
ด้านผู้สื่อข่าวชาวสวีเดนเปิดเผยต่อ The Guardian ว่าได้รับแจ้งเหตุการก่อการร้ายในช่วงก่อนที่การบรรเลงเพลงชาติจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ทำให้เกมยังดำเนินไปในช่วงครึ่งเวลาแรก
ส่วนหลังจากนี้คาดว่าจะไม่มีการกลับมาแข่งขันใหม่ เนื่องจากเบลเยียมผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปแล้ว ส่วนสวีเดนเองก็ตกรอบไปแล้วเช่นกันจึงไม่มีความจำเป็นที่ทั้งสองทีมจะกลับมาทำการแข่งขันกันใหม่
อ้างอิง: